รีเซต

เปิด 4 เหตุผล ทำไม "เพชร" จึงน่าลงทุน??

เปิด 4 เหตุผล ทำไม "เพชร" จึงน่าลงทุน??
TNN ช่อง16
2 มิถุนายน 2564 ( 18:09 )
194
เปิด 4 เหตุผล ทำไม "เพชร" จึงน่าลงทุน??
  1. ในโลกของการลงทุน มีสินทรัพย์ให้ได้เลือกลงทุนอยุ่หลายรูปแบบ แม้ว่าปัจจุบันกระแสการลงทุน สินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Cryptocurency จะได้รับความนิยมกันมากขึ้นซึ่งราคาก็ผันผวนสูงและอ่อนไหวกับปัจจัยเรื่องข่าวคราวของนักลงทุนรายใหญ่อยู่บ่อยๆ   
  2. มีการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่แม้จะยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก  แต่ก็เชื่อว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนแบบอื่นๆ เพราะราคาไม่ได้อ่อนไหวหรือขึ้นลงเหมือนกับทองคำ นั่นก็คือ การลงทุนใน " เพชร " โดยเหตุผลที่ทำให้เพชรน่าลงทุนไม่แพ้กับสินทรัพย์อื่นๆนั้น ก็มีอยู่หลายข้อ ได้แก่ 


1. ผลตอบแทนเพชรสูงกว่าฝากเงิน

“เพชร” อัญมณีอันล้ำค่าและมีมูลค่า ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่สินทรัพย์ที่ไว้สวมใส่เป็นเครื่องประดับเท่านั้น แต่ยังมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต จึงนิยมสะสมเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่น และยังเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่มั่นคงในการลงทุน สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ในตลาดโลก ไม่ต่างจากทองคำ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ใช้กันทั่วโลกและมีใบเซอร์ (certificate) ที่มีมาตรฐานโลกรองรับ หลายคนจึงหันมาซื้อเก็บสะสมสำหรับลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งที่ผ่านมาผลตอบแทนจากเพชรสูงกว่าการฝากเงินไว้ในธนาคารซะอีก  เพราะปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น เพชร จึงเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย 


2. ราคาเพชรมีแนวโน้มสูงขึ้นตามคุณภาพและเกรดในระดับไฮเอนด์

จากสถิติพบว่าราคาเพชรมีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการที่ผู้คนให้การยอมรับว่าเพชรเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในทุกๆ มิติ ขณะที่ปริมาณหลักในตลาดเพชรขณะนี้ถูกควบคุมโดยเดอเบียร์ส (De Beers) ซึ่งราคาของเพชรเปลี่ยนแปลงตามหลักอุปสงค์และอุปทาน (Demand-Supply) ขณะเดียวกันเพชรที่เหมาะสำหรับการลงทุน ควรเป็นเพชรที่มีคุณภาพสูงไร้ที่ติทางธรรมชาติ เน้นเพชรที่เป็นท็อปเกรด เช่น น้ำ 100 น้ำ 99 D Color หรือ E color ซึ่งเป็นเพชรที่หายากมีปริมาณน้อย

ภาพประกอบ : ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์

3. อุตสาหกรรมเพชรแท้ โตขึ้นเรื่อยๆ

นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนในเพชรได้รับความสนใจมากขึ้นจากทั่วทุกมุมโลกอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปลายปี 2563 ซึ่งสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในต่างประเทศเริ่มดีขึ้น เช่นในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของอุตสาหกรรมเพชรแท้ มีการเติบโตในยอดขายอย่างต่อเนื่อง ในระดับ 5-10% และ 15-20% สำหรับตลาดอเมริกาและจีนตามลำดับ 

ในช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ราคาเพชรมีการปรับเพิ่มขึ้นในเพชรทุกสีและทุกขนาด ที่สำคัญเพชรเป็นทรัพย์สินที่มีความผันผวนต่ำ  โดย Jubilee Diamond ซึ่งอยู่ในวงการเพชรมายาวนานกว่า 92 ปี พบว่าในช่วง 20  ปีที่ผ่านมา เคยได้เห็นราคา เพชร ลดลงเพียง 2 ครั้ง จากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่กระทบต่อภาพรวมในมุมความต้องการซื้อและความต้องการขาย  แต่ใช้ระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ก็ปรับสู่ภาวะปกติ สะท้อนให้เห็นว่าความเสี่ยงของการลงทุนในเพชรนั้นมีแนวโน้มที่ต่ำมาก เพราะราคามีความมั่นคงที่ไม่ผันผวนแรงเท่ากับสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ และแม้จะมีความผันผวนก็ไม่ได้เกิดขึ้นในระยะยาว

“ปัจจุบันเพชรถือเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ระดับโลกที่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการลงทุน ตอบโจทย์การลงทุนเรื่องการกระจายความเสี่ยง ช่วยลดความผันผวนในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนที่มีสินทรัพย์เสี่ยงราคาหวือหวา ด้วยคุณสมบัติของเพชรที่เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ราคาอาจเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้หวือหวามาก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนคุ้มค่าในระยะกลางถึงยาว” นางสาวอัญรัตน์ กล่าว


4. การซื้อเพชรเพื่อลงทุนได้ ต้องมีใบรับรองจากสถาบันน่าเชื่อถือ-ตรวจสอบได้ 

การจะเริ่มต้นลงทุนในเพชรสิ่งที่ต้องตระหนักเป็นอย่างแรก คือ การเลือกซื้อเพชรที่มาจากแหล่งน่าเชื่อถือ มีใบรับรองจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล อาทิ GIA หรือ HRD ซึ่งปัจจุบันการซื้อเพชรเริ่มต้นที่ขนาด 30 สตางค์ขึ้นไปก็สามารถได้รับใบรับรองจากสถาบันที่ทั่วโลกให้การยอมรับได้ ซึ่งนอกจากจะสร้างความมั่นใจในคุณภาพของเพชรแล้ว ยังสามารถทำให้การขายต่อในอนาคตมีความคล่องตัวด้วย แต่สิ่งที่ควรระวังเกี่ยวกับใบรับรองคือต้องตรวจสอบรายละเอียดให้มั่นใจว่าเป็นใบรับรองของแท้ โดยสามารถเช็คได้ที่เว็บไซต์ของสถาบันรับรองว่าหมายเลขถูกต้องหรือไม่ 

ภาพประกอบ : ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์

นางสาวอัญรัตน์  บอกว่า “ เพชร ” เป็นอัญมณีหายาก ยิ่งเพชรที่มาจากแหล่งธรรมชาติที่ดีราคาจะยิ่งสูง แต่อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเพชรอีกหลายเท่าตัวก็คือ การเจียระไนอย่างประณีตพิถีพิถัน ซึ่ง Jubilee ในฐานะผู้นำธุรกิจเครื่องประดับเพชรในเมืองไทยที่มีอายุกว่า 92 ปี ได้เลือกคัดสรรเพชรจากแหล่งเจียระไนที่ดีที่สุดในเมืองแอนด์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม ทำให้ได้เพชรที่มีคุณลักษณะในการเปล่งประกายที่สวยที่สุด รวมถึงการเป็นแหล่งค้าเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ การลงทุนในเพชรที่ได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีที่แข็งที่สุด อาจไม่เหมือนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น ดังนั้น ต้องเลือกซื้อเพชรในแบบที่ถูกต้อง นั่นคือนอกจากเรื่องความงามแล้วคุณภาพต้องถูกต้องตามหลัก 4Cs ได้แก่ 

1.Cut การเจียระไน

2.Color สี

3.Carat Weight น้ำหนักกะรัต 

และ 4.Clarity ความสะอาด 

“การซื้อเพชรแต่ละครั้งนอกจากมองเรื่องความสวยถูกใจ การดีไซน์ที่ตรงความต้องการแล้ว สิ่งที่ควรคำนึงและให้ความสำคัญคือ มูลค่าเพชร เพราะไม่ว่าคุณจะซื้อเพชรกี่กะรัต เพชรที่คุณเลือกต้องเป็นเพชรที่มาจากแหล่งธรรมชาติที่ดี คุณภาพดี มีการเจียระไนที่ประณีต อีกทั้งเรื่องใบรับรองคุณภาพเพชรต้องมี เพื่อให้การเลือกซื้อในแต่ละครั้งคุ้มค่า ซึ่งปัจจุบันหลายคนมักเข้าใจว่าหากจะเริ่มต้นสะสมเพชรหรือต้องการเพชรที่มีใบเซอร์ระดับโลกต้องมีเงินแสนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วเพชรที่ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลกเริ่มต้นตั้งแต่เม็ดเล็ก โดยเพชรของ Jubilee ทุกเม็ด ทุกขนาดมาจากเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม ราคาเริ่มต้นหลักพันบาท อีกทั้งมีใบรับรองคุณภาพเพชรตั้งแต่ 0.19 กะรัตขึ้นไป เพื่อทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่าเพชรของ Jubilee เป็นเพชรแท้ในราคาที่จับต้องได้ การันตีด้วยความเชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในธุรกิจเพชรมากว่า 92 ปี” นางสาวอัญรัตน์ กล่าว

ภาพประกอบ : ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์


อย่างไรก็ตามการลงทุนใน "เพชร" ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง ซึ่งสิ่งที่ควรระวังหากคิดจะลงทุนในเพชร ได้แก่ 

  • คาดการณ์ราคาในอนาคตค่อนข้างลำบาก มีความผันผวนอยุ่เช่นกัน บางปีราคาไม่เพิ่มขึ้น นักลงทุนควรศึกษาการเคลื่อนไหวของตลาดก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย แต่ถ้าเราลงทุนในระยะยาวหน่อย 3-5 ปีขึ้นไปก็ชนะเงินเฟ้อและเห็นการเติบโตได้ดีกว่
  • ราคาตกเมื่อขาย ราคาหน้าร้านที่ซื้อกับราคาขายคืนมักจะหายไปประมาณ 20-30% เสมอ ถ้าไม่เก็บยาวๆ เนื่องจากร้านขายเพชรมีต้นทุนที่จะต้องบวกเข้าไปทั้ง ค่าการทำการตลาด กำไรส่วนต่าง เป็นต้น
  • สภาพคล่องต่ำ ไม่รู้จะไปขายใครให้ได้ราคาที่ดี ราคาสูง เพราะปัจจุบันช่องทางการขายหรือร้านที่รับซื้อขายที่น่าเชื่อถือยังมีน้อย
  • ต้องได้รับการรับประกัน (Certificate) จากสถาบันที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก สถาบันรับรองคุณภาพเพชรที่น่าเชื่อถือ เช่น GIA (Gemological Institute of America) และ HRD Diamond Certification เป็นต้น
  • ราคาเพชร มีความเชื่อมโยงกับค่าเงิน เช่นเดียวกับสินทรัพย์อื่นๆ ถ้าเงินบาทอ่อนราคาเพชรจะแพง เงินบาทแข็งราคาเพชรจะถูก
  • ต้องใช้เวลา ความรู้และประสบการณ์ ในการฝึกฝนเพื่อให้เลือกเพชรได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ภาพประกอบ : ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ 


แม้ว่าการลงทุนใน "เพชร" จะมีความเสี่ยงบ้าง แต่ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมากลับได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะเพชรมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะมีวิกฤตทางเศรษฐกิจหรือโรคระบาด ราคาของเพชรยังคงเติบโตขึ้นได้ ยังมีนักสะสมเพชรให้ความเชื่อถือและหลงไหลในความงามของเพชรกันทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ มีตัวตน และปัจจุบันก็เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ


หากใครยังไม่กล้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมากๆ และมีทุนเพียงพอที่จะเริ่มต้นลงทุนอะไรซักอย่างได้ โดยที่ไม่จำเป็นมาคอยจ้องกระดานเทรด หรือมัวกังวลกับราคาที่ขึ้นเร็วลงเร็ว ก็เชื่อว่า "เพชร" จะเป็นทางเลือกอีกทางสำหรับนักลงทุนในยุคนี้ได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น "การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดก่อนการลงทุน" สโลแกนนี้ยังคงใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยเลยว่าไหม??




ข่าวที่เกี่ยวข้อง