'ทภ.2' ไม่ปกป้อง 7 ทหารโหด หากพบ 'ผิดพลาด-พลั้งมือ' ต้องยอมรับผิด
เมื่อวันที่ 21 เมษายน พล.ต.ราชันต์ ประจันตะเสน โฆษกกองทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวน 7 ทหาร ชุดปฏิบัติการฯ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายเเดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี สอบสวนสองพี่น้องในพื้นที่ ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 รายว่า รายงานเบื้องต้นพบว่าชุดปฏิบัติการดังกล่าวได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีการมั่วสุมเสพยาเสพติดที่บริเวณกระท่อมท้ายหมู่บ้าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น.เจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าไปกระท่อมเป้าหมาย พบชาย 2 คน จึงได้เข้าจับกุมและนำตัวไปสอบสวน จนกระทั่งเวลา 23.00 น. หนึ่งในสองคนเกิดอาการเจ็บหลัง เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ยารับประทานแต่อาการไม่ดีขึ้น จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา พบว่ามีอาการสมองขาดเลือด ผลตรวจโลหิตและปัสสาวะพบสารเสพติด
พล.ต.ราชันต์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นหน่วยตั้งสังกัดตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยเรียกทหารในชุดปฏิบัติการมาสอบครั้งละ 1 นาย ซึ่งทหารทั้งหมดไม่ได้ถูกคุมขังและยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ เชื่อว่าทั้งหมดจะให้ความร่วมมือ และไม่หนีคดี ขณะนี้หน่วยรับผิดชอบอยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวนข้อเท็จจริงและทางวินัย โดยทำคู่ขนานไปกับการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนก็รอผลการชันสูตรฯ อย่างเป็นทางการ ส่วนผลทางคดีจะออกมาเป็นอย่างไร จะผิดหรือถูกกองทัพก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องการเยียวยา และดูเรื่องในเรื่องงานพิธีศพผู้เสียชีวิต รวมถึงผู้บาดเจ็บ
เมื่อถามว่า กองทัพจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิดใช่หรือไม่ พล.ต.ราชันต์ กล่าวว่า ปกป้องไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายของพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)อยู่แล้ว ในฐานะที่เราเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร หากปรากฎว่ามีการปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด หรือ พลั้งมือ ก็ต้องยอมรับผิด และ กรณีนี้คู่ความทางคดีเป็นพลเรือน ในขั้นตอนการฟ้องร้องก็จะพิจารณาในศาลปกติ ไม่ได้ขึ้นศาลทหาร ขณะที่ พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2 ) ได้เน้นย้ำให้การดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ มทภ.2 ต้องยึดตามแนวทางจากเบาไปหาหนักและกฎการปะทะด้วย