AMA ใส่เกียร์เพิ่มรถขนส่ง โบรกชี้ผลงานปีนี้โดดเด่น
#AMA #ทันหุ้น – AMA รุกหนักขนส่งทางบก ล่าสุดเพิ่มรถบริการเป็น 225 คัน รองรับขนส่งน้ำมันไป PTG ขณะที่ขนส่งทางเรือปีนี้ทรงตัว พร้อมเกาะติดราคาน้ำมัน คาดคุมราคาได้ในเดือนมีนาคมนี้ ปักธงโตไม่น้อยกว่า 10-15% ฟากโบรกเชื่อผลงานปีเสือโตโดดเด่น ยอดขนส่งน้ำมันปาล์มเร่งตัว มองแนวต้าน 8 บาท
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เปิดเผยว่า
แผนธุรกิจปี 2565 บริษัทวางเป้าหมายรายได้เติบโตสูงกว่าปี 2564 ขณะที่ทิศทางการขนส่งทางน้ำ หรือขนส่งโดยเรือปี 2565 อาจจะทรงตัว เพราะประเทศจีนต้องการให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็น 0 หรือไม่มีผู้ติดเชื้อเลย ทำให้การเดินทางจนส่งไปจีนอาจต้องจอดเรือนาน เพื่อตรวจสอบคนเรือนานกว่าปกติ ซึ่งการลักษณะการขนส่งทางเรือเกิดขึ้นแบบนี้ก่อนจะมีเชื้อโควิด-19 โอไมครอนระบาด ทำให้บริษัทประเมินการขนส่งทางเรือ จะไม่เติบโตหวือหวามากนัก
** ขนส่งทางบกโตดี
ขณะเดียวกันการขนส่งทางบก หรือขนส่งน้ำมัน คาดจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10-15%จากการเพิ่มรถบริการเป็น 225 คัน เพื่อรองรับการขนส่งน้ำมันไปสถานีบริการ PTG
“ขนส่งโดยเรือปีนี้อาจจะดูทรงตัวเล็กน้อย เพราะความต้องการน้ำมันจากจีนมีปริมาณที่ลดลง เราจึงหันมาเน้นการขนส่งโดยรถบรรทุก เพราะยิ่งวิ่งเยอะ เรายิ่งมีกำไรมากขึ้น แต่ตอนนี้ติดปัญหาเรื่องราคาน้ำมัน เพราะราคาปรับขึ้นสูง และราคาน้ำมันเป็นต้นทุนหลักของเรา” นายพิศาล กล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าปี 2565 นี้จะรับรู้รายได้จากการลงทุนใน บริษัท ทีเอสเอสเคโลจิสติกส์ จำกัด หรือ TSSK และบริษัท ออโต้ โลจิส จำกัด หรือ AUTO ในสัดส่วน 76% เข้ามาเต็มปี โดยทั้ง TSSK และ AUTO เพิ่มรถบริการขนส่งแล้วในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ที่ผ่านมาเพื่อรับจ้างขนส่งเม็ดพลาสติก รวมถึงแก๊สที่ใช้สำหรับผลิตโซดา โดยเพิ่มรถบริการอีก 30-35 คัน จาก 110-115 คัน คาดจะให้บริการได้เต็มประสิทธิภาพตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 เป็นต้นไป
** เกาะราคาน้ำมัน
ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างติดตามราคาน้ำมันดิบโลก เพราะราคาน้ำมันดิบจะส่งผลต่อราคาน้ำมันการขนส่ง อีกทั้งราคาน้ำมันคือต้นทุนหลักของ AMA หากราคาราคาน้ำมันอยู่ระดับสูง จะส่งผลต่อต้นทุนขนส่ง
โดย 2 เดือนแรกปี 2565 บริษัทยอมรับราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการขนส่งทั้งทางน้ำ หรือการขนส่งทางเรือ และการขนส่งทางบก หรือการส่งทางรถบรรทุก อย่างไรก็ตามคาดราคาน้ำมันจะมีเสถียรภาพ หรือทรงตัวประมาณเดือนมีนาคม หากเป็นไปตามคาดจะส่งผลให้ทิศทางธุรกิจและผลประกอบการไตรมาส 2/2565 กลับมาขึ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMAประกอบธุรกิจในด้านบริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือระหว่างประเทศ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มและน้ำมันพืชชนิดต่างๆ ไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคเอเชียตะวันออก และบริษัทย่อยให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถในประเทศ ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงและไบโอดีเซล B100
** กำไรโตต่อเนื่อง
ขณะที่ผลประกอบการที่ผ่านมามีกำไรต่อเนื่อง แม้ในปี 2563 ที่ถูกกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ก็ยังมีกำไรสุทธิ 170 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 181 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันปาล์มให้บริการเต็มศักยภาพ ชดเชยกับรถขนส่งน้ำมันในประเทศที่ถูกกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งในมุมนักวิเคราะห์ แต่บางท่านอาจจะไม่ชอบมุมมองนี้ คือ การกระจายธุรกิจของ AMA ที่มีทั้งในและต่างประเทศในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ทำให้สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดี
โดยในช่วงที่ธุรกิจหนึ่งซบเซา จะมีอีกธุรกิจที่เข้ามาช่วยชดเชยเสมอ แต่ถ้าสลับกันดีสลับกันแย่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ผลประกอบการก็จะทำได้เพียงประคองตัว ไม่ได้มีการเติบโตโดดเด่น เว้นแต่ว่าจะเป็นช่วงที่ทั้งเรือและรถดีพร้อมกัน ซึ่งมักเกิดขึ้นไม่บ่อย เพราะฉะนั้นนักลงทุนที่ชอบหุ้นเติบโตเร็ว (Growth Stock) จึงไม่เห็น AMA อยู่ในสายตา
** เคาะต้าน 8 บาท
แต่หลังจากนี้ เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเป็นลำดับ หลังจาก COVID-19 เริ่มคลายตัว ทำให้ยอดขนส่งน้ำมันปาล์มเร่งตัวขึ้น ขณะที่รถขนส่งน้ำมันให้ PTG ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น ถ้ามีการขยายกองเรือหรือกองรถเข้ามาเสริม น่าจะทำให้ผลประกอบการกลับมาใส่คันเร่งได้อีกครั้งในปี 2565
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PBV เพียง 1.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจเรือขนส่งที่ 2.5 เท่า และธุรกิจโลจิสติกส์ที่ประมาณ 4.0 เท่า จึงถือว่ามีความถูกเป็นตัวคอยจำกัด Downside มองแนวต้านระยะกลางที่ 8.00 บาท