วิธีรับ "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" ได้รับเท่าไร โดนเรียกคืนได้ไหม?
"เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" เป็นมาตรการอุดหนุนเงินเพื่อช่วยเหลือสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายดำรงชีพให้กับผู้สูงอายุ โดยจ่ายเงินผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำหรับในปีงบประมาณ 2564 หรือตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 จนถึงเดือนกันยายน 2564 กรมบัญชีกลางได้ออกปฏิทินการทำงาน สำหรับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผ่านระบบบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
สิทธิคนพิการ : วิธีทำบัตรคนพิการ ใครสามารถได้บ้าง?
เงินเกษียณอายุ ประกันสังคม กรณีชราภาพ มีกี่แบบ วิธีรับเงิน?
ใครบ้างที่มีสิทธิ์ได้รับเงิน เบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุ
- จะต้องมีสัญชาติไทย และมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตองค์กรปกครองตามทะเบียนบ้าน
- จะต้องมีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- จะต้องไม่เคยรับสิทธิ์ใด ๆ มาก่อน ไม่ว่าจะจากหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อาทิเช่น เงินบำนาญ เบี้ยหวัด หรือหากคุณอยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองใด ๆ ที่ได้รับเงินเดือนหรือมีผลประโยชน์เป็นค่าตอบแทนที่ได้เป็นประจำ ก็ถือว่าไม่มีสิทธิ์รับเงิน เบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุ
ใครบ้างที่สามารถ ลงทะเบียนรับเบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุ 2564 ได้
- มีสัญชาติไทย มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และต้องไม่เคยลงทะเบียนเบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุมากก่อน หรือไม่เคยรับสิทธิ์ใด ๆ มาก่อนเช่นกัน
- สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 59 ปี สามารถลงทะเบียนได้ล่วงหน้าในปี 2563 เพื่อที่จะรับเงินในปี 2564 โดยจะต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2504 ถึงจะลงทะเบียนล่วงหน้าได้นะคะ แต่หากผู้สูงอายุไม่มีข้อมูลที่ระบุในทะเบียนราษฎรเกี่ยวกับวันเกิดที่แน่ชัด ทราบเพียงแต่ปีเกิดนั้น ให้ถือว่า วันที่ 1 มกราคม เป็นวันเกิดค่ะ
- หากคุณมีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเคยลงทะเบียนไว้แล้ว แต่มีการย้ายภูมิลำเนา จะต้องลงทะเบียนใหม่ในภูมิลำเนาที่ย้ายมาใหม่
- ผู้ที่เคยลงทะเบียนไว้แล้ว ไม่จำเป็นต้องลงใหม่ทุกปี เว้นแต่มีการย้ายภูมิลำเนา หรือมีข้อมูลที่ต้องแก้ไขบ้างอย่าง
ลงทะเบียนรับเบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุ ได้ที่ไหน
- หากอยู่ในเขตกรุงเทพฯ สามารถไปยื่นได้ด้วยตนเอง หรือมอบสิทธิ์ให้ปผู้อื่นไปยื่นแทนได้ แต่ต้องมีหนังสือมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย โดยสามารถไปยื่นได้ที่สำนักงานเขตที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนั้น ๆ
- หากอาศัยอยู่ที่ต่างจังหวัด สามารถยื่นได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือ สำนักงานเทศบาล ที่ขึ้นอยู่กับภูมิลำเนาของคุณหรือที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนั้น ๆ
ช่วงเวลาการลงทะเบียนในการรับเบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุ 2564 จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงดังนี้
- การลงทะเบียนในช่วงเดือนมกราคม-กันยายน 2564: สำหรับผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2505
- การลงทะเบียนในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564: เป็นการลงทะเบียนล่วงหน้า เพื่อที่จะรับเงินในปี 2565
หมายเหตุ : หากข้อมูลในทะเบียนราษฎรไม่มีวันเกิดที่แน่ชัด รู้แต่เพียงปีเกิดเท่านั้นให้ถือว่า วันที่ 1 มกราคม เป็นวันเกิด
เอกสารที่ต้องเตรียมในการลงทะเบียนรับเบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุ
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง หรือหากไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จะต้องมีบัตรหรือเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานรัฐที่มีรูปถ่าย
- ทะเบียนบ้านตัวจริง และถ่ายสำเนามา 1 ฉบับ
- สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารตัวจริง ที่เป็นประเภทออมทรัพย์ และถ่ายสำเนามา 1 ฉบับ
การให้ผู้อื่นมาดำเนินเรื่องแทนผู้สูงอายุจะต้องเตรียมอะไรบ้าง
- หนังสือมอบอำนาจ โดยแบบฟอร์มของแต่ละพื้นที่จะเหมือนกัน จะต้องเข้ามาติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สำนักก่อน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้สูงอายุ(ผู้มอบอำนาจ) และของผู้ที่มาดำเนินเรื่องแทน (ผู้ที่รับอำนาจ) อย่างละ 1 ฉบับ
- สำเนาทั้ง 4 ฉบับ จะต้องมีการเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องให้เรียบร้อย ได้แก่
- ประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้มอบอำนาจ
- ประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้รับอำนาจ
จะได้ เบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุ เท่าไหร่
อายุ | ได้รับเงิน |
อายุ 60-69 ปี | ได้รับเงิน 600 บาท/เดือน |
อายุ 70-79 ปี | ได้รับเงิน 700 บาท/เดือน |
อายุ 80-89 ปี | ได้รับเงิน 800 บาท/เดือน |
อายุ 90 ปีขึ้นไป | ได้รับเงิน 1,000 บาท/เดือน |
โดยปฏิทินการจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ธนาคารจะโอนเงินให้ผู้มีสิทธิผ่านบัญชีธนาคาร ดังนี้
- เดือนธันวาคม 2563 จ่ายเงินวันที่ 9 ธันวาคม 2563
- เดือนมกราคม 2564 จ่ายเงินวันที่ 8 มกราคม 2564
- เดือนกุมภาพันธ์ 2564 จ่ายเงินวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564
- เดือนมีนาคม 2564 จ่ายเงินวันที่ 10 มีนาคม 2564
- เดือนเมษายน 2564 จ่ายเงินวันที่ 9 เมษายน 2564
- เดือนพฤษภาคม 2564 จ่ายเงินวันที่ 10 พฤษภาคม 2564
- เดือนมิถุนายน 2564 จ่ายเงินวันที่ 10 มิถุนายน 2564
- เดือนกรกฎาคม 2564 จ่ายเงินวันที่ 9 กรกฎาคม 2564
- เดือนสิงหาคม 2564 จ่ายเงินวันที่ 10 สิงหาคม 2564
- เดือนกันยายน 2564 จ่ายเงินวันที่ 10 กันยายน 2564
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สามารถเรียกคืนได้หรือไม่?
หากตรวจสอบแล้วว่าได้รับสิทธิ์ใด ๆ มาก่อน ไม่ว่าจะจากหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อาทิเช่น เงินบำนาญ เบี้ยหวัด หรือหากคุณอยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองใด ๆ ที่ได้รับเงินเดือนหรือมีผลประโยชน์เป็นค่าตอบแทนที่ได้เป็นประจำ ก็ถือว่าไม่มีสิทธิ์รับเงิน เบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุ โดยจะถูกเรียกเงินคืนย้อนหลังพร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี
เปิดข้อกม. ไม่ต้องคืนเบี้ยคนชรา ถ้ารับโดยสุจริต-ใช้หมดแล้ว
จากกรณี ยายบวน โล่ห์สุวรรณ อายุ 89 ปี ถูกกรมบัญชีกลางเรียกเก็บเบี้ยผู้สูงอายุคืนย้อนหลัง 10 ปี จำนวน 84,400 บาท โดยมีการเสนอให้มีการผ่อนชำระ 1 ปี ไม่มีดอกเบี้ย ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น
โดยมี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา โพสต์ข้อความในกลุ่ม กฎหมายเรื่องใกล้ตัว ถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวว่า อบต.จ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุไม่ถูกต้องความเห็นว่า กรณีนี้เป็นกรณี “ลาภมิควรได้” ซึ่งหน่วยงานทางปกครอง คืออบต. จะต้องใช้สิทธิฟ้องเรียกร้องในทางแพ่ง (ไม่ใช่คดีปกครอง เที่ยบเคียงคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 222/2560)
หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ ป.พ.พ. มาตรา 412 ดังนั้นหากคุณยายได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุไว้โดยสุจริต (หากฟังข้อเท็จจริงได้ว่าคุณยายไม่ทราบข้อกฎหมาย/ปิดบังข้อเท็จจริงที่ตนใช้สิทธิซ้ำซ้อน) และหากคุณยายรับเงินไว้โดยสุจริตและได้นำไปใช้จ่ายหมดแล้วก่อนที่จะถูกเรียกคืน คุณยายจึงไม่ต้องคืนเงินดังกล่าว ตามป.พ.พ. มาตรา 412 (เทียบเคียงกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10850/2559)
กรณีนี้ถือเป็นความบกพร่องในการตรวจสอบตรวจทาน เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ จึงต้องไปไล่เบี้ยกับเจ้าหน้าที่ผูปฏิบัติงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อต่อไป
ป.พ.พ.มาตรา 412 ถ้าทรัพย์สินซึ่งได้รับไว้เป็นลาภมิควรได้นั้นเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ท่านว่าต้องคืนเต็มจำนวนนั้น เว้นแต่เมื่อบุคคลได้รับไว้โดยสุจริต จึงต้องคืนลาภมิควรได้เพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10850/2559 จำเลยไม่มีสิทธิได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญตามกฎหมาย แต่โจทก์จ่ายเงินดังกล่าวให้จำเลยไปโดยผิดหลง จึงเป็นเงินที่จำเลยได้รับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และทำให้โจทก์เสียเปรียบอันเป็นลาภมิควรได้ หาใช่เป็นเงินที่โจทก์มีสิทธิติดตามเอาคืนได้อย่างเจ้าของทรัพย์สินไม่ และเมื่อได้ความว่าจำเลยได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญไว้โดยสุจริตและนำไปใช้จ่ายหมดแล้วก่อนที่โจทก์จะเรียกคืน จำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวแก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 412
ข้อมูล : ข่าวสด
รวมสิทธิส่งเสริมคุณภาพชีวิต เกาะติดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทันเรื่องราวกระแสสังคม
สัมผัสประสบการณ์ข่าวได้ที่ แอปพลิเคชัน ทรูไอดี (ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!)
++++++++++