รีเซต

หุ่นยนต์วาดภาพบนบนผืนผ้าใบใช้ปัญญาประดิษฐ์ตัดสินใจเองล้วน ๆ

หุ่นยนต์วาดภาพบนบนผืนผ้าใบใช้ปัญญาประดิษฐ์ตัดสินใจเองล้วน ๆ
TNN ช่อง16
17 กุมภาพันธ์ 2566 ( 10:24 )
141
หุ่นยนต์วาดภาพบนบนผืนผ้าใบใช้ปัญญาประดิษฐ์ตัดสินใจเองล้วน ๆ

ในปัจจุบันการสร้างภาพด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลายเป็นเรื่องปกติในวงการศิลปะมากขึ้น ด้วยการนำเข้าฐานข้อมูลงานศิลปะของมนุษย์และสร้างภาพแบบใหม่ออกมา อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดเป็นเพียงภาพแบบดิจิทัล ต่างจากผลงานของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน (Carnegie Mellon University) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่สร้างหุ่นยนต์และผสานระบบปัญญาประดิษฐ์มาวาดและสะบัดแปรงลงบนผืนผ้าใบให้กลายเป็นภาพวาดออกมาจริง ๆ 


หุ่นยนต์ดังกล่าวมีชื่อว่าฟริดา (FRIDA: Framework and Robotics Initiative for Developing Arts) เป็นหุ่นยนต์แขนกล 1 แขน ที่ปลายแขนติดตั้งพู่กันสำหรับใช้วาดรูปโดยเฉพาะ ภายในติดตั้งระบบประมวลผลที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์สำหรับการวาดรูปเป็นพิเศษ


หลักการทำงานของหุ่นยนต์ฟริดาจะดูจะเริ่มจากรับข้อมูลภาพบุคคล ภาพวาด เพลง หรือผลงานศิลปะต่าง ๆ เข้าสู่ระบบ จากนั้นจะเริ่มประมวลผลและสร้าง (Generate) ร่างภาพออกมา ก่อนแปลงข้อมูลในระบบให้เป็นชุดคำสั่งสำหรับการระบายสีด้วยพู่กัน 


นอกจากนี้ การวาดของฟริดาแตกต่างจากการออกคำสั่งของหุ่นยนต์ทั่วไป เพราะมีการลงรายละเอียดถึงน้ำหนักของแปรงพู่กัน จากนั้นจะเริ่มลงมือวาดและสังเกตการวาดของตัวเองผ่านกล้องที่ติดตั้งบริเวณแขนกล ก่อนทำการคำนวณและคาดการณ์ลักษณะเส้น น้ำหนัก สี และทิศทางของการวาดครั้งต่อไป โดยทำซ้ำในขั้นตอนดังกล่าวจนเสร็จสิ้นการวาด สิ่งที่มนุษย์เข้ามาช่วยเหลือมีเพียงการยึดผืนผ้าใบ (Canvas) และผสมสีที่จะใช้ให้กับหุ่นยนต์เท่านั้น


อย่างไรก็ตาม ผลงานที่ได้นั้นอาจจะไม่ได้เป็นภาพวาดที่ลงลึกถึงขั้นรายละเอียดและแทบไม่ต่างจากการใช้มือมนุษย์แต้มสีวาดเท่าใดนัก สอดคล้องกับเป้าหมายของการวิจัยที่ไม่ได้ต้องการให้หุ่นยนต์ฟริดามาทดแทนการวาดด้วยมนุษย์ แต่เป็นตัวช่วยให้จิตรกรสามารถอธิบายหรือแสดงออกถึงแนวคิดในการรังสรรค์ภาพวาดได้ง่ายขึ้น


ในอนาคตทางทีมวิจัยคาดหวังว่าฟริดาจะสามารถขยับไปทำงานแกะสลักได้อีกด้วย ซึ่งอาจจะกลายเป็นคู่แข่งของหุ่นยนต์แกะสลักโรโบเตอร์ (Robotor) ในประเทศอิตาลีที่สามารถลอกเลียนงานแกะสลักขั้นสูงก็เป็นได้




ที่มาข้อมูล Interesting Engineering

ที่มารูปภาพ Carnegie Mellon University


ข่าวที่เกี่ยวข้อง