รีเซต

‘กระบี่’ พร้อมแล้ว เปิดรับต่างชาติ 1 ส.ค.นี้ รอแค่รัฐเคาะแผนชัดเจน ตั้งเป้าเดือนแรกโกย 30 ล้านบาท

‘กระบี่’ พร้อมแล้ว เปิดรับต่างชาติ 1 ส.ค.นี้ รอแค่รัฐเคาะแผนชัดเจน ตั้งเป้าเดือนแรกโกย 30 ล้านบาท
มติชน
29 กรกฎาคม 2564 ( 04:18 )
38

 

นางสาวศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการเปิดจังหวัดกระบี่ ในพื้นที่เกาะไหง เกาะไร่เล เกาะพีพี เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่อยู่ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ครบ 7 วันแล้ว เดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างเกาะ ซึ่งกำหนดเริ่มในวันที่ 1 สิงหาคม 2564 ขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ได้เตรียมความพร้อมไว้ครบทุกด้านเรียบร้อยแล้ว ทั้งโรงแรม ที่พัก และการอำนวยความสะดวก เหลือเพียงแค่รอให้รัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เห็นชอบมาตรการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าร่วมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงมายังจังหวัดกระบี่ ในพื้นที่ที่ได้กำหนดไว้เท่านั้น เพื่อให้สถานทูตไทยในต่างประเทศสามารถออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าไทย (ซีโออี) ให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเที่ยวในโครงการดังกล่าวนี้ โดยในระยะเริ่มต้น 1 เดือนแรก คาดการณ์เป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะเข้ามาประมาณ 500 คน สร้างรายได้ประมาณ 30 ล้านบาท รวมถึงคาดหวังว่า ในไตรมาส 4/2564 จังหวัดกระบี่จะสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เอง แบบที่ไม่ต้องรอให้นักท่องเที่ยวอยู่ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ครบ 7 วันก่อน จึงจะสามารถเดินทางมาเที่ยวกระบี่ได้ แต่เงื่อนไขสำคัญคือ กระบี่จะต้องได้รับวัคซีนไม่น้อยกว่า 70% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้น ทำให้การจะเปิดได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนที่รัฐบาลต้องจัดสรรให้เพียงพอกับจำนวนประชากร

 

 

“ในเดือนแรกหากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาเที่ยวทั้ง 3 เกาะ จำนวนไม่ต่ำกว่า 500 คน ก็ถือเป็นตัวเลขที่ดีใจมากแล้ว เพราะยังต้องรอให้รัฐบาลเห็นชอบโครงการนี้ เพื่อให้สามารถออกซีโออีได้ก่อน จากนั้นจะต้องเร่งทำการตลาด เพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ซึ่งขณะนี้การประชาสัมพันธ์กระบี่ให้ต่างชาติค่อนข้างน้อย เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาล ตัวแทนขายแพคเกจท่องเที่ยวในต่างประเทศก็วางแผนขายได้ยาก นักท่องเที่ยวเองก็วางแผนมาเที่ยวยาก โดยในระยะถัดไป อยากให้เพิ่มเป็น 1,500 คนต่อเดือน แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดโควิดทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย” นางสาวศศิธร กล่าว

 

 

นางสาวศศิธร กล่าวว่า หลังจากเปิด 3 เกาะ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ครบ 7 วันแล้ว คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยว 20-25% จากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เดินทางมาเที่ยวเกาะพีพี เกาะไหง และเกาะไร่เล ซึ่งในช่วงแรกคงต้องประเมินภาพการระบาดโควิดก่อน แต่เริ่มมีสัญญาณที่ดีแล้ว คือ จำนวนยอดจองนักท่องเที่ยวที่จะมาในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ถึงเดือนตุลาคมนี้ มีประมาณ 70,000 คน ทำให้ในจำนวนนี้หากได้อย่างน้อยสัก 10% เข้ามาเที่ยวกระบี่ น่าจะทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวของกระบี่ดีขึ้นตามที่ตั้งใจไว้ ส่วนจะสามารถทำได้ตามที่คาดหวังหรือไม่นั้น คงต้องมาประเมินสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลาเป็นระยะๆ ต่อไป โดยสถิติภาพรวมการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ปี 2563 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 6.2 แสนคน ลดลง 85.46% เทียบกับปี 2562 ที่มีจำนวน 4.3 ล้านคน สร้างรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท ลดลง 79.06% เทียบกับปี 2562 อยู่ที่ 7.3 หมื่นล้านบาท นักท่องเที่ยวคนไทย จำนวน 9.3 แสนคน ลดลง 61.77% เทียบกับปี 2562 อยู่ที่ 2.4 ล้านคน สร้างรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท ลดลง 64.55% เทียบกับปี 2562 อยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท

 

 

นางสาวศศิธร กล่าวว่า สำหรับการเตรียมแผนเผชิญเหตุนั้น ได้กำหนดแผนรับมือสถานการณ์โควิดระบาดในแต่ละระดับ เพื่อพิจารณาชะลอหรือยกเลิกโครงการ โดยหากเกิดการติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 70 รายต่อสัปดาห์ ระบาดเกิน 3 คลัสเตอร์หาสาเหตุไม่ได้ ครองเตียงเกิน 80% และพบเชื้อกลายพันธุ์ที่ควบคุมไม่ได้ ส่วนความพร้อมของสถานประกอบการนั้น ล่าสุดได้รับเครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย (เอสเอชเอพลัส) จำนวน 130 แห่ง ทั้งโรงแรมและร้านอาหาร รวมถึงมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่อยู่ระหว่างการสมัครและประเมินผลด้วย จึงจะทยอยเพิ่มขึ้นอีก โดยคนในพื้นที่ 3 เกาะนั้น ได้รับวัคซีนครบ 100% แล้ว จึงลดความกังวลได้ แต่ยังมีความท้าทายอยู่ในส่วนของพนักงานที่อาศัยอยู่บนฝัง ต้องเดินทางไปกลับในการทำงาน เพราะในพื้นที่เกาะไม่มีที่พัก อาจมีความเสี่ยงเกิดขึ้น รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อก่อนเข้า 3 เกาะในรายวันด้วย โดยเฉพาะการตรวจผ่านแอนติเจน เทส คิส (Antigen test kit) ซึ่งส่วนนี้ได้ประสานขอความช่วยเหลือจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ส่งชุดตรวจแอนติเจน เทส คิส จำนวน 36,000 ชุด ซึ่งจะสามารถตรวจได้คนละ 3 ครั้ง หรือประมาณ 12,000 คน ภายในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ หรือช้าสุดไม่เกิน 5 สิงหาคมนี้ เพื่อลดภาระให้กับแรงงานในช่วงนำร่องก่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง