ZIGA โชว์แบ็กล็อกแน่นพันล. ดีมานด์ใช้เหล็กต่อคิวเพียบ
ZIGA ผลงานครึ่งปีหลัง 2566 วิ่งต่อ หลังทำผลงานไตรมาส 2/2566 พลิกกำไรแรง 124% เดินเกมปรับกลยุทธ์การขาย เจาะตลาดนิชมาร์เก็ต (Niche Maket) ชี้มาร์จิ้นฟู ฟากบอสใหญ่ “ศุภกิจ งามจิตรเจริญ” ขอโฟกัสธุรกิจผลิต จำหน่ายเหล็ก อวดโปรเจ็กต์เพียบ โชว์แบ็กล็อกแน่นพันล้านบาท
นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2566 จะเป็นบวกต่อจากครึ่งปีแรก โดยครึ่งปีแรก 2566 สามารถทำกำไรได้แล้ว 21.64 ล้านบาท โดยบริษัทจะรักษาทิศทางการเติบโตให้ได้เหมือนช่วงที่ผ่านมา
ปั๊มมาร์จิ้นตุนพอร์ต
สำหรับแผนธุรกิจบริษัทจะเน้นทำกำไรมากกว่าสร้างยอดขาย เนื่องจากต้องการผลักดันผลประกอบการโดยรวมให้กลับมาเป็นบวก โดยจะเน้นเจาะกลุ่มรายย่อย เพราะการทำการตลาดสามารถเข้าถึงกลุ่มรายย่อยได้ง่าย ประกอบกับการขยายฐานกลุ่มรายย่อยหรือค้าปลีกมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงกว่าค้าส่ง
ปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากงานโปรเจ็กต์ หรืองานโครงการจำนวนมาก โดยมีมูลค่างานคิดเป็น Backlog 800-1,000 ล้านบาท จากโครงการใหญ่ และดีมานด์การใช้เหล็กมีสูงขึ้นจากโครงการต่างๆ ที่กำลังทยอยก่อสร้าง โดยเฉพาะโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ เช่น One Bangkok, Forestia, Emsperhere และอื่นๆ อีกมากมาย ประกอบกับประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว คาดหลังจากนี้ดีมานด์การใช้เหล็กจะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกันต้นทุนการผลิตมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น จากก่อนหน้านี้ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลระทบต่อราคาเหล็กและการผลิตโดยตรง ส่วนเงินบาทและอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันไม่หวือหวา บริษัทจึงมองต้นทุนการผลิตปีนี้จะดีกว่าปีก่อน และทำให้แนวโน้มมาร์จิ้นปีนี้จะอยู่ในเกณฑ์ดี
“ยอดขายปีนี้จะลดลงเล็กน้อยเพราะราคาเหล็กลดลง แต่เราไม่ได้เน้นยอดขายมากนัก เพราะเรามาเน้นการทำกำไร หรือทำมาร์จิ้นให้ดีขึ้น โดยการขายรายย่อย และเจาะตลาดนิชมาร์เก็ต ไม่เน้นแข่งขันด้านราคา หรือเพิ่มกำลังผลิตเยอะ แต่จะเน้นขายสินค้าและเพิ่มมูลค่าสินค้าให้ได้มาร์จิ้นเยอะๆ”นายศุภกิจ กล่าว
นายศุภกิจ กล่าวต่อว่า ด้านธุรกิจดิจิทัลแอสเซทบริษัทไม่มีแผนลงทุนหรือทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันบริษัทย้ายเครื่องขุดบิทคอยน์ที่ลงทุนเองจำนวน 100 เครื่อง มาไว้ที่โรงงานเก่า ZIGA หลังย้ายโรงงานผลิตสินค้า ZIGA ไปโรงงานใหม่แล้วทั้งหมด สำหรับโรงงานเก่าติดโซลาร์รูฟท็อปกำลังผลิตราว 1 เมกะวัตต์ ทำให้ไม่ต้องเสียค่าไฟเพิ่มเติม คาดจะซัพพลายการใช้ไฟในการขุดบิทคอยน์ได้เพียงพอ
พลิกกำไรแรง 124%
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทฌธิที่ 6.9 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีขาดทุนที่ 28.1 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 34.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นพลิกกำไร 124.4% ส่วนรายได้ไตรมาส 2/2566 บริษัททำได้ 182.5 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน 241.3 ล้านบาท ลดลง 58.8 ล้านบาท หรือลดลง 24.4%