หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า มุมมอง 'บัวหลวง' กรณีลดค่าไฟเหลือ 3.70 บ./หน่วย
#ทันหุ้น - บล.บัวหลวง ส่องหุ้น กลุ่มโรงไฟฟ้าราคาร่วงแรงหลังอดีตนายกฯ กล่าวถึงการลดค่าไฟเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย ซึ่งตลาดดูเหมือนจะคาดการณ์ถึงกรณีเลวร้ายที่สุด ภายใต้ความเป็นไปได้ 3 ทางในการลดค่าไฟที่ฝ่ายวิจัยประเมิน
1) ลดค่าไฟโดยไม่ลดราคาก๊าซ (กรณี เลวร้ายที่สุด) หากรัฐบาลตั้งค่าไฟที่ 3.70 บาท/หน่วย เริ่มตั้งแต่ พ.ค. 2568 โดยไม่ลดราคาก๊าซ ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรหลักของ BGRIM, GPSC, GULF, GUNKUL, และ WHAUP จะลดลง 27%, 34%, 3%, 4%, และ 8% ตามลำดับ และหากดำเนินการต่อในปี 2569 จะส่งผลกระทบเพิ่มขึ้นอีก โดยเป้าหมายราคาหุ้นจะลดลงโดย BGRIM เหลือ 18 บาท, GPSC 25 บาท, GULF 72 บาท, GUNKUL 5.10 บาท, และ WHAUP 5.40 บาท
ผลกระทบนี้จะลามไปถึง EGAT ซึ่งปัจจุบันมีต้นทุนการผลิต 3.95 บาท/หน่วย การลดค่าไฟลงจะเพิ่มภาระขาดทุนให้ EGAT อีก 3 พันล้านบาท/เดือน (จากปัจจุบัน 7-8 หมื่นล้านบาท) และอาจชะลอการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
2) ลดต้นทุนก๊าซ (กรณี เป็นไปตามกลไกมากสุด) การลดราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งคิดเป็น 60-70% ของต้นทุนการผลิตไฟฟ้า อาจเป็นแนวทางที่ยั่งยืน เช่น การเพิ่มการผลิตในประเทศ ลดราคา LNG และการแข็งค่าของเงินบาท อย่างไรก็ตาม ตัวแปรเหล่านี้ควบคุมได้ยากในระยะสั้น ทำให้ไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปได้ในเร็วๆ นี้
3) ลดให้เฉพาะกลุ่มเปราะบาง (กรณีนี้ เป็นไปได้มากสุด หากจะมีมาตรการช่วยเหลือ) การลดค่าไฟเฉพาะสำหรับครัวเรือน เช่น ที่ใช้ไฟน้อยกว่า 300 หน่วย/เดือน ซึ่งใช้เงินทุนน้อยกว่าและส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลในช่วงก่อนการเลือกตั้ง อัตราไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้อุตสาหกรรมจะคงที่ที่ 4.15 บาท/หน่วย ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อ SPPs โดยราคาหุ้นโรงไฟฟ้า ที่เน้น SPP ซึ่งปรับตัวลดลงไปมาก อาจฟื้นตัวได้หากรัฐบาลเลือกใช้วิธีนี้
ด้านปัจจัยพื้นฐาน แนะนำจับตาแนวทางของรัฐบาลที่จะมีผลต่อภาพรวมกลุ่ม โรงไฟฟ้า โดยเฉพาะ SPPs ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568