SCGD พุ่ง 6.12% สวนตลาดรับกำไร Q3/68 โต 61% YoY

SCGD พุ่ง 6.12% สวนตลาดรับกำไร Q3/68 โต 61% YoY
#ทันหุ้น #SCGD พุ่ง 6.12% สวนตลาดรับกำไร Q3/68 โต 61% YoY บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ "ซื้อ"
Key Takeaways: สรุปประเด็นหลัก
- ราคาหุ้นพุ่ง: หุ้น SCGD ปรับขึ้น 6.12% หลังรายงานผลประกอบการ Q3/68 ที่ดีกว่าคาดการณ์
- กำไรโตแรง: กำไรสุทธิ Q3/68 อยู่ที่ 304 ล้านบาท เติบโต +61% YoY (กำไรปกติ +53% YoY)
- สาเหตุหลักที่กำไรเพิ่ม (YoY): มาจาก กลยุทธ์ลดต้นทุน อย่างชัดเจน โดย SG&A ลดลง 11% YoY และ ดอกเบี้ยจ่ายลดลง 23% YoY
- ยอดขายชะลอตัว: รายได้จากการขายลดลง 10% YoY เนื่องจากตลาดไทยหดตัว -12% YoY และผลกระทบจากค่าเงินดองเวียดนามอ่อนค่า
- ตลาดต่างประเทศเป็นตัวขับเคลื่อน: ตลาดกระเบื้องต่างประเทศยังคงขยายตัว ได้แก่ อินโดนีเซีย (+9% YoY), ฟิลิปปินส์ (+3% YoY) และเวียดนาม (+2% YoY)
- แนวโน้มในอนาคต: คาดการณ์กำไร Q4/68 จะเติบโตต่อเนื่องตาม ปัจจัยฤดูกาลของตลาดเวียดนาม และผลบวกจากกลยุทธ์ลดต้นทุน ทำให้กำไรทั้งปีมีโอกาสเกิด Upside
บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) (“SCGD”) ราคาหุ้นขึ้นอย่างร้อนแรงในการซื้อขายช่วงเช้าของวันที่ 28 ตุลาคม 2568 โดยราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 5.25 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 6.12% ท่ามกลางความเชื่อมั่นของนักลงทุนหลังบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 ที่แข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก
กำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ของ SCGD อยู่ที่ 304 ล้านบาท เติบโตถึง 61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 37% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ขณะที่กำไรปกติ (ไม่รวมรายการพิเศษ) อยู่ที่ 288 ล้านบาท พุ่งขึ้น 53% YoY ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างต่อเนื่อง
การวิเคราะห์จากตลาด: กำไรแข็งแกร่งสวนกระแสยอดขายหดตัว
บทวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรของ SCGD พุ่งขึ้นอย่างโดดเด่น แม้ว่า รายได้จากการขายรวมจะลดลง 10% YoY มาอยู่ที่ 5.6 พันล้านบาท:
- กลยุทธ์ลดต้นทุน (YoY Growth Driver): กำไรปกติที่แข็งแกร่งเป็นผลจากความสำเร็จของกลยุทธ์ลดต้นทุนเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่ลดลงถึง 11% YoY อันเป็นผลจากการปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ดอกเบี้ยจ่ายลดลงถึง 23% YoY จากการบริหารเงินทุนหมุนเวียนและการลดลงของดอกเบี้ยในตลาด
- ผลบวกด้านพลังงาน (YoY Margin Expansion): อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน แต่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) เนื่องจากการลดลงของต้นทุนพลังงานและการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล รวมถึงการติดตั้งโซลาร์เซลล์
- การเติบโตของตลาดต่างประเทศ: แม้ว่า ตลาดกระเบื้องในประเทศไทยจะหดตัว 12% YoY ตามภาวะซบเซาของโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่ตลาดต่างประเทศที่ SCGD เข้าไปลงทุนกลับขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย อินโดนีเซียขยายตัว 9% YoY, ฟิลิปปินส์ 3% YoY, และ เวียดนาม 2% YoY (หรือ 4% YoY หากคิดในรูปเงินดองเวียดนาม) รวมถึงยอดขายสุขภัณฑ์และการส่งออกจากเวียดนามที่ปรับตัวดีขึ้นด้วย
แนวโน้มกำไรปี 68 มี Upside และ Q4/68 แข็งแกร่ง
จากการที่กำไรปกติสะสม 9 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 809 ล้านบาท คิดเป็น 82% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ทำให้โบรกเกอร์มองว่า กำไรทั้งปี 2568 มีโอกาสที่จะเกิด Upside หรือสูงกว่าประมาณการเดิม เนื่องจากบริษัทฯ สามารถรักษาอัตรากำไรไว้ได้ดีกว่าที่คาดการณ์จากกลยุทธ์ลดต้นทุนที่ได้ผลชัดเจน
สำหรับแนวโน้ม ไตรมาส 4/68 คาดว่ากำไรจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยได้อานิสงส์จาก ปัจจัยฤดูกาล (High Season) ของตลาดเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง รวมถึงผลบวกต่อเนื่องจากกลยุทธ์ลดต้นทุนและราคาพลังงาน การคาดการณ์ดังกล่าวทำให้อัตรากำไรของบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น QoQ และจะเติบโตสูงมาก YoY เมื่อเทียบกับฐานกำไรที่ต่ำในปีที่ผ่านมา
ด้วยปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจนที่ชัดเจน ทั้งผลประกอบการ Q3 ที่ดีกว่าคาด และแนวโน้มกำไร Q4 ที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง รวมถึงแรงหนุนจากการเติบโตในตลาดเวียดนามและดีล M&A ใหม่ ๆ ในปีหน้า ทำให้ทาง บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น SCGD
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
