ซิตี้แบงก์ ยาหอมปี’64 เศรษฐกิจโลกสดใส เอเชียมาวินบวก 7.5% - มั่นใจโควิดจบกลางปี
ซิตี้แบงก์ ยาหอมปี’64 เศรษฐกิจโลกสดใส เอเชียมาวินบวก 7.5% - มั่นใจโควิดจบกลางปี เริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบของวัฏจักรเศรษฐกิจใหม่
ซิตี้แบงก์ยาหอมปี’64ศก.ฟื้น - นายซาเมียร์ เดชพานดิ หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุนระดับภูมิภาค ซิตี้แบงก์ เอเชียแปซิฟิค และตะวันออกกลาง เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง แต่ระบบเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2564 จะเริ่มทยอยกลับมาดีขึ้นจากหลายปัจจัยทั้งวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงและกำลังทยอยฉีดไปหลายประเทศในช่วงกลางปีนี้ ทำให้เริ่มมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมองว่าการสิ้นสุดของการแพร่ระบาดจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีนี้ ทำให้โลกกลับสู่สภาวะปกติใหม่ และเป็นการเริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบของวัฏจักรเศรษฐกิจใหม่
โดยมุมมองเชิงภูมิภาค แม้สภาพเศรษฐกิจสหรัฐยังคงสร้างความวิตกให้กับนักลงทุน แต่เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้งจากอัตราการว่างงานที่ลดลงจากมาอยู่ที่ 6.7% ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงผ่อนคลายมาตรการทางการเงินและคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับ 0-0.25% อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแผนกระตุ้นระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้คาดว่าภายในกลางปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐ จะกลับไปถึงระดับก่อนเกิดโควิด-19 และทั้งปีจะอยู่ที่ 5.1% ส่วนยุโรปแม้ต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยความกังวลด้านสุขภาพและเศรษฐกิจครั้งสำคัญ แต่คาดว่าได้ผ่านพ้นช่วงที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว โดยมองว่าจีดีพียุโรปจะเติบโต 3.6%
ขณะที่ภูมิภาคเอเชียมองว่าจะเป็นผู้นำในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก คาดการณ์จีดีพีของเอเชียจะโตถึง 7.5% โดยเฉพาะประเทศจีนอาจโตแตะ 8.2% จากตัวเลขอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่ต่ำ ตลอดจนสัญญาณการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากกิจกรรมการท่องเที่ยว และความต้องการภายในประเทศ รวมถึงการร่วมมือในความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะทำให้ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กจะได้รับประโยชน์และส่งผลดีบวกเป็นอย่างมากต่อภูมิภาคอาเซียน
สำหรับประเทศไทยคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ขยายตัวราว 4% ส่วนอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.4% มีแรงหนุนจากภาครัฐทั้งการบริโภคและการลงทุน ด้านน้ำมันคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 54 และ 51 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลตามลำดับ
ส่วนทองคำมีความต้องการลดลง แต่ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ คาดการณ์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนค่าเงินยังคงผันผวนสูง โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ปีนี้มีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อจากปัจจัยทางการเมือง รวมทั้งนโยบายของเฟด ด้านเงินหยวนแข็งแกร่งขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน มีแนวโน้มผ่อนคลายลง ส่วนค่าเงินบาท เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 30-30.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ล่าสุดธนาคารซิตี้แบงก์ ได้เสนอขายกองทุนใหม่ 28 กองทุน และตราสารหนี้ใหม่อีก 6 ตราสาร ซึ่งนำไปสู่การเติบโตด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยสินทรัพย์ภายใต้การจัดการเติบโตในระดับตัวเลข 2 หลัก และมีการเติบโตในกลุ่มลูกค้าใหม่ทั้ง ซิตี้โกลด์ และ ซิตี้ไพรออริตี้
นอกจากนี้ จะเห็นการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นอีกเช่นกัน โดยข้อแนะนำในการลงทุน ให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ลาตินอเมริกา และแนะนำการกระจายการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ พลังงานใหม่ โทรคมนาคมและเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชั่น สุขภาพ อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งกระจายการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำประเภทอื่นๆ เช่น ตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่และตราสารหนี้ผลตอบแทนสูงในอเมริกา รวมถึงทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ นอกจากนี้ ยังแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มยั่งยืน หรือ ESG