รีเซต

สธ.แจงหลักเกณฑ์เปิดพื้นที่"สีฟ้า"นำร่องท่องเที่ยว 10 จว. 1-30 พ.ย.นี้

สธ.แจงหลักเกณฑ์เปิดพื้นที่"สีฟ้า"นำร่องท่องเที่ยว 10 จว. 1-30 พ.ย.นี้
ข่าวสด
28 กันยายน 2564 ( 16:33 )
47

ปลัด สธ.แจงหลักเกณฑ์ "พื้นที่สีฟ้า" นำร่องท่องเที่ยว 10 จังหวัด 1-30 พ.ย. นี้ ภาพรวมจังหวัดต้องฉีดวัคซีนครอบคลุม 50% เฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวต้องครอบคลุม 70% ส่วนพื้นที่เปิดกิจการกิจกรรมต้องฉีดครอบคลมุ 80%

 

 

จากกรณี ศบค.เห็นชอบหลักเกณฑ์ แผนงานและแนวทางการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (พื้นที่สีฟ้า) ซึ่งระยะที่ 1 จะเริ่มวันที่ 1-30 พ.ย. 2564 ใน 10 จังหวัด ได้แก่ กทม. กระบี่ พังงา ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน หนองแก) เพชรบุรี (ชะอำ) ชลบุรี (พัทยา บางละมุง นาจอมเทียน และบางเสร่) ระนอง (เกาะพยาม) เชียงใหม่ (อ.เมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า) เลย (เชียงคาน) และบุรีรัมย์ (เมือง)

 

 

ล่าสุดเรื่องนี้ วันที่ 28 ก.ย.2564 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงการเตรียมเปิดพื้นที่สีฟ้าใน 10 จังหวัด ว่า สธ.ได้ประสานกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่สีฟ้าตามนโยบายรัฐบาล โดยจังหวัดที่จะดำเนินการนำร่องท่องเที่ยวหรือพื้นที่สีฟ้า ต้องมีความพร้อมด้านสถานการณ์ คือ

1.ความครอบคลุมวัคซีนระดับจังหวัดอย่างน้อย 50 % และกลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์) อย่างน้อย 80% 2.มีศักยภาพรองรับผู้ป่วยอย่างเพียงพอ อัตราครองเตียงผู้ป่วยเหลืองแดงไม่เกิน 80% และ 3.มีการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ติดเชื้อไม่เกิน 5-10 รายต่อแสนประชาการต่อวัน (ใช้ค่าเฉลี่ยรายสัปดาห์)

 

 

2.การบริหารจัดการ ส่วนความพร้อมด้านบริหารจัดการ ต้องมีการร่วมมือทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชน มีแผนบริหารจัดการ แผนทรัพยาการ และทีมสอบสวนควบคุมโรครองรับกรณีเกิดการระบาด มีระบบกำกับติดตามเชื่อมโยงกับศูนย์บัญชาการ และมีการประเมินทุกสัปดาห์ก่อนที่จะดำเนินการ

 

 

 

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่นำร่องเฉพาะที่จังหวัดกำหนดขึ้นมา จะต้องมีความครอบคลุมวัคซีนอย่างน้อย 70% กลุ่ม 608 อย่างน้อย 80 % ส่วนพื้นที่ที่จะมีการเปิดให้ทำกิจกรรม/กิจการที่รองรับนักท่องเที่ยว จะต้องได้รับวัคซีนครอบคลุมอย่างน้อย 80% มีการเฝ้าระวังต่อเนื่อง ไม่พบผู้ติดเชื้อในกิจการ/กิจกรรมในช่วง 14 วันที่ผ่านมา อย่างจ.ชลบุรี ต้องวัคซีนครอบคลุมจังหวัด 50% เมืองพัทยาที่นำร่องก็ต้องครอบคลุม 70 % และถ้าเป็นพัทยาใต้ที่จะให้ทำกิจการ/กิจกรรมก็ต้องได้ 80% ถึงเป็นพื้นที่สีฟ้า รวมถึงดำเนินการทำบับเบิลแอนด์ซีล เป็นซีล รูท เช่น ลงเครื่องบินที่สนามบินอู่ตะเภา หรือสุวรรณภูมิ แล้วไม่แวะที่ไหน

 

 

 

 

เมื่อถามว่า พื้นที่สีฟ้าตามแผนหลายแห่งยังฉีดวัคซีนไม่ถึงเป้า นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สถานการณ์วัคซีนของไทยดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งเมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่เป็นวันมหิดลมีการรณรงค์ฉีดวัคซีน 1 ล้านโดส เป็นการทดสอบระบบว่าศักยภาพทำได้หรือไม่ ซึ่งก็ทำได้ คิดเป็น 70-80% ของศักยภาพเท่านั้น ถ้ามีการเร่งก็จะฉีดได้มากกว่านี้ ซึ่ง ต.ค.-ธ.ค.จะมีวัคซีนเข้ามาค่อนข้างมาก เฉพาะที่รัฐจัดหา ต.ค. 24 ล้านโดส พ.ย. 23 ล้านโดส และ ธ.ค. 24 ล้านโดส ก็จะต้องฉีดกันเกือบวันละ 1 ล้านโดส

" เมื่อรวมกับวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์มอีกที่เข้ามาในปีนี้รวม 50 ล้านโดส และโมเดอร์นาอีก 2 ล้านโดส ก็จะมีวัคซีนเข้ามาราว 178 ล้านโดส ก็ต้องฉีดผ่านสถานพยาบาลในสังกัด สธ. ในส่วนของภูมิภาคมีความคล่องตัวในการฉีด หากมี 1.5 ล้านโดส ก็อาจจะฉีดเขตสุขภาพละ 1 แสนกว่าโดสต่อวัน เฉลี่ยถึงจังหวัดอาจจะไม่ค่อยมาก และมีการขยายฐานฉีดวัคซีนใน รพ.สต. เพื่อฉีดเชิงรุกในชุมชนมากขึ้น ก็จะมีการเร่งเครื่องฉีดเต็มที่

 

 

 

 

พื้นที่ที่จะเป็น Covid Free Area จังหวัดต้องพิจารณาว่ามีกี่อำเภอ ตำบล พื้นที่ แล้วส่งข้อมูลมาให้ สธ. ก็พร้อมส่งเสริมสนับสนุนในการดำเนินการ เพราะฉะนั้นในระยะแรกที่จะกำหนดก็น่าจะเป็นพื้นที่การท่องเที่ยว ธุรกิจ การค้า พื้นที่สำคัญ ก็ต้องขีดวงพื้นที่ และประเมินว่าวัคซีนได้เท่าไร ก็จะต้องมีความครอบคลุมของวัคซีนเป็นหลัก และสามารถจัดบริการในแบบ Covid Free Setting มีการดำเนินการเรื่อง Health Pass แล้ว เหล่านี้เป็นนิวนอร์มัลที่จะดำเนินการต่อไป ก็ต้องทำให้ได้อย่างดี เพราะไม่อยากให้สถานการณ์ต้องกลับมาปิดบ้านปิดเมืองอีก แต่ขณะนี้ประชาชนเข้าใจในการดูแลตัวเองมากขึ้น”นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง