APUREเพิ่มมูลค่าข้าวโพด คำสั่งซื้อต่างแดนต่อยอด
APURE แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดแช่แข็งสดใส ได้รับความสนใจทั้งฐานลูกค้าเก่า และกลุ่มลูกค้าใหม่ คาดเริ่มทยอยรับคำสั่งซื้อภายในปีนี้ ขณะที่ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานช่วงไตรมาส 2/2566 เติบโตแข็งแกร่ง จากออเดอร์ต่างแดน เดินหน้าผนึกพันธมิตรศึกษาแนวทางสร้างมูลค่าเพิ่มจากเปลือก-ซังข้าวโพด คาดมีความชัดเจนไตรมาส 1/2567
นายสุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ยอดขายข้าวโพดหวานงวดไตรมาส 2/2566 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 2/2566 (QoQ) และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) หนุนจากการที่บริษัทสามารถเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดหวานขึ้นเฉลี่ยปีละ 30% กระจายทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ได้ตามเป้าหมาย เพิ่มปริมาณข้าวโพดเข้าไลน์การผลิตได้ราว 500 ตันต่อวัน
“บริษัทถือว่าประสบความสำเร็จในการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกเฉลี่ยที่เดือนละราว 500 ไร่ แต่ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาผลผลิตต่อไร่ยังไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัดมาก ขณะที่คำสั่งซื้อยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงปรับกลยุทธ์ในการทำงานร่วมกับเกษตรกรเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้ได้ราม 2 ตันต่อไร่ตามปริมาณที่ตั้งไว้ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถเพิ่มกำลังผลิตข้าวโพดหวานขึ้นแตะราว 800-940 ตันต่อวันได้ตามเป้าหมาย”
พร้อมกันนี้ บริษัทได้รับคำสั่งซื้อข้าวโพดหวานล่วงหน้าจากลูกค้าทั้งทวีปสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, เกาหลี หนุนแนวโน้มยอดขาย ณ งวดไตรมาส 4/2566 มีแนวโน้มเร่งตัวแตะระดับสูงสุดของปี ซึ่งบริษัทได้วางแผนบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูก และผลผลิตข้าวโพดหวานให้ได้เฉลี่ยราว 2 ตันต่อไร่ ให้เพียงพอต่อการผลิตข้าวโพดหวานเพื่อส่งมอบให้ลูกค้า จึงมั่นใจว่ารายได้รวมทั้งปี 2566 จะเติบโตราว 30-40% มาจากธุรกิจขายข้าวโพดหวาน ซึ่งเมีสัดส่วนการส่งออกราว 95-97% ไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
“ข้าวโพดกระป๋องเป็นอาหารหลักในทวีปอเมริกา, ยุโรปเนื่องจากเป็นแหล่งคาร์โบรไฮเดรตหลักที่ระดับราคาเหมาะสม ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่สภาพวะเศรษฐกิจในยุโรป – อเมริกาชะลอตัว ทั้งยังมีอัตราการบริโภคที่เร่งตัวขึ้น ลูกค้าจึงต้องการสินค้ามากขึ้นแม้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินบาท กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”
ข้าวโพดแช่แข็งสดใส
สำหรับผลิตภัณฑ์ข้าวโพดแช่แข็งนั้น หลังจากที่บริษัทได้จัดส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ (Test) ไปให้ลูกค้า ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มมีคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าไต้หวัน, เกาหลี, รวมถึงกลุ่มประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง อาทิ อิหร่าน ภายในไตรมาส 4/2566 นี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่งวดไตรมาส 1/2567 เป็นต้นไป
“หลังจากลูกค้าได้นำข้าวโพดแช่แข็งไปทดลอง ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากไต้หวัน, เกาหลี, และอิหร่าน ซึ่งมีระยะเวลาทดลองผลิตภัณฑ์ราว 1-3 เดือนคาดว่าจะเริ่มทยอยส่งคำสั่งซื้อราวช่วงปลายไตรมาส 3/2566 ต่อเนื่องต้นไตรมาส 4/2566 ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น ซึ่งมีระยะเวลาทดลองสินค้าราว 4-6 เดือนก็น่าจะเริ่มทยอยสั่งซื้อช่วงต้นปีหน้า หนุนยอดขายของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญจากทั้งฐานลูกค้าเดิม และแตกไลน์เข้าสู่กลุ่ลูกค้าใหม่ได้ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์”
ต่อยอดวัสดุเหลือทิ้ง
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างผนึกพันธมิตรที่หลากหลาย อาทิ ร่วมมือกับ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCGพัฒนาส่วนที่ต้องทิ้ง (Waste) อาทิ แกนข้าวโพด (ซัง), เปลือก ฯลฯ เป็นพลังงานชีวมวล (Biomass Energy)เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตปูนซีเมนต์, ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2567
“บริษัทได้สร้างโรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลจากเปลือก-ซังข้าวโพดส่งให้บริษัทปูนซีเมนต์ไทย มาระยะหนึ่งแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรักษามาตรฐานของแท่งเชื้อเพลิงให้อยู่ในมาตรฐาน คาดว่าจะสามารถพัฒนาไปเป็นธุรกิจได้ภายในปี 2567 ส่วนอาหารสัตว์นั้นบริษัทร่วมมือกับสถาบันพัฒนาอาหาร, โรงงานผลิตอาหารสัตว์, มหาวิทยาลัยต่างๆ พัฒนาสูตรอาหารที่มีครบทั้งวิตามินจากซังข้าวโพด และโปรตีนจากปลาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุส่วนที่ต้องทิ้งให้มากกว่าการจำหน่ายไปเพียงกิโลกรัมละ 0.72 บาท”