BGRIMปักธงเวียดนาม ปีนี้จ่ายไฟ632เมกะวัตต์

BGRIM สนใจรุกไฟฟ้าเวียดนามหลังประกาศแผนพีดีพี8พุ่งเป้า LNG-to-Power พลังงานลม และโซลาร์รูฟท็อป ลุยต่างประเทศต่อเนื่อง ทั้งเกาหลีใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา ปีนี้ตั้งเป้า COD จำนวน 632 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าบีกริม อ่างทอง 2 และ 3 เริ่ม COD ปลายปี ครึ่งหลังรับลูกค้าอุตสาหกรรมอื้อเป้าเพิ่ม 50-60 เมกะวัตต์ ย้ำหมื่นเมกปี 2573

นางสาวศิริวงศ์  บวรบุญฤทัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ – สายงานการเงินและบัญชี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า จากการที่ทางการของประเทศเวียดนามได้ประกาศแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติฉบับที่ 8 หรือ PDP8ซึ่งบริษัทมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุน แต่กำลังรอดูรายละเอียดว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งธุรกิจที่บริษัทสนใจจะเข้าไปลงทุนได้แก่ธุรกิจ LNG-to-Power โรงไฟฟ้าพลังงานลม และโซลาร์รูฟท็อป

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนในต่างประเทศต่อเนื่อง โดยบริษัทก็ได้มีการเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่มาเลเซีย 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ BGMCSB (Kuala Muda) กำลังการผลิตติดตั้ง 45 เมกะวัตต์เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ วันที่ 22 มีนาคม 2565 และโครงการ ISSB (Machang) กำลังการผลิตติดตั้ง 45 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์วันที่ 5 เมษายน 2566 

และยังได้เข้าไปลงทุนในเกาหลีใต้ ในโครงการ Saemangeum Sebit Power Co., Ltd. เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 98.99 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่มีนาคม 2565 และโครงการ KOPOS ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 23.5 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในสิงหาคม 2566และยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการขออนุญาต  เพื่อที่จะเข้าไปลงทุนในเกาหลีใต้ ส่วนประเทศอื่นที่สนใจเข้าลงทุน ได้แก่ กัมพูชา และฟิลิปปินส์โดยมองว่าในครึ่งปีหลังการเข้าไปซื้อกิจการหรือ M&A อาจจะไม่ได้มาก แต่จะเป็นการเข้าไปลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่บริษัทเข้าไปขออนุญาตลงทุน ซึ่งขณะนี้ก็มีหลายโครงการในเกาหลีใต้

@จ่ายไฟเพิ่ม 632 เมก

ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หรือ COD อยู่ที่ 632 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมาการเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าที่มาเลเซีย และเกาหลีใต้ดังกล่าว รวมถึงโรงไฟฟ้าบี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง 2) และ บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า SPP มีกำลังการผลิตรวม 280 เมกะวัตต์ ก็จะ COD ภายในไตรมาส 4/2566 นี้ จึงเชื่อมั่นว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย ขณะที่ในส่วนของการเพิ่มลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) รายใหม่ บริษัทได้ตั้งเป้าในปีนี้จำนวน 50-60 เมกะวัตต์ โดยในครึ่งแรกปีนี้ทำได้แล้ว 12.2 เมกะวัตต์ แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลังจะมีเข้ามามาก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3/2566 จึงคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย

นางสาวศิริวงศ์ กล่าวว่าบริษัทได้วางเป้าหมายระยะยาวในปี 2573 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 10,000 เมกะวัตต์ โดยมากกว่า 50% จะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ขณะที่กำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 3,690 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นก๊าซ

71.5% พลังงานแสงอาทิตย์ 26.6% ไฮโดรเจน 1.0% และลม 0.4% โดยบริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท เพื่อที่จะผลักดันให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าว ประมาณ 45,000 ล้านบาท จะมาจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท ที่เหลือก็อาจจะระดมทุนช่องทางอื่นๆ เช่นการออกหุ้นกู้เป็นต้น

นอกจากนี้คาดว่าผลดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะเติบโต เพราะได้รับผลดีจากต้นทุนราคาก๊าซที่ลดลงจากครึ่งปีแรก ส่วนค่า Ft ที่จะมการปรับลงบางส่วนในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2566 คาดกระทบไม่มาก เนื่องจากมาร์จิ้นค่า

ไฟฟ้าและค่าก๊าซยังมีทิศทางที่ดี นอกจากนี้ในครึ่งปีหลังจะมีการรับรู้กำลังการผลิตใหม่ จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ KOPOS และจะมีการ COD โรงไฟฟ้าบี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 และ โรงไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนุนผลประกอบการให้เติบโตขึ้น

**โบรกมองแนวโน้มธุรกิจเป็นบวก

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด  (มหาชน) แนะนำ ซื้อหุ้น BGRIM ให้ราคาเป้าหมายที่ 45บาทต่อหุ้น จากแนวโน้มกำไรที่เติบโตในช่วงที่เหลือของปี และระยะยาวจะได้ประโยชน์จากกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ โดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก ขณะที่ในระยะสั้นจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มต้นทุนก๊าซในครึ่งปีหลังซึ่งลดลงมากกว่าค่าไฟฟ้าที่ลดลงตามค่า Ft BGRIM ยืนยันเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้า 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 โดยเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน จาก 25% เป็น 50% และมุ่งขยายทั่วโลกทั้งเอเชียเหนือ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี เอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่มาเลเซีย เวียดนาม เอเชียกลางได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย และ UAE และยุโรป ได้แก่ ที่อิตาลีและโปแลนด์ ซึ่งที่ผ่านมา BGRIM ได้ประกาศการลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม โดยเฉพาะที่เกาหลีใต้ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญ ลงทุนแล้ว 6 โครงการ รวม 1,150 เมกะวัตต์