จ่อเลิก'รพ.บุษราคัม' หลังหมดสัญญาอิมแพค-คืนพื้นที่เดือนส.ค. สธ.หาพื้นที่รองรับ
จ่อเลิก'รพ.บุษราคัม' หลังหมดสัญญาอิมแพค-คืนพื้นที่เดือนส.ค. สธ.หาพื้นที่รองรับ อัพเกรด รพ.สนามในกทม.ให้รับผู้ป่วยโควิดสีเหลืองแบบรพ.บุษราคัมเพิ่มมากขึ้น
วันที่ 23 มิ.ย.64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีอาจารย์แพทย์ห่วงการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่กทม.ยังวิกฤตว่า สธ.ช่วยทุกพื้นที่ แม้ไม่มีอำนาจบริหารจัดการระบบสาธารณสุขในกทม. แต่ก็ช่วยเหลือกัน ช่วยเราช่วยเขา อย่า.รพ.บุษราคัมก็ช่วยรับผู้ป่วยต่างชาติอาการสีเหลือง ปลัดสธ.ก็กำลังประชุม เพื่อให้รพ.หลักเปิดเตียงไอซียูให้มากสุด อาจต้องยกระดับเพิ่มศักยภาพรพ.สนามให้ดูแลผู้ป่วยอาการสีเหลือง แบบรพ.บุษราคัมให้มากขึ้น เพราะรพ.บุษราคัมจะหมดสัญญากับอิมแพค ต้องคืนพื้นที่ในสิ้นเดือนส.ค. จึงต้องเปิดรพ.สนามสีเหลืองเพิ่มขึ้น
"การเปิดรพ.สนามสีเหลือง จะยกระดับรพ.สนามตามสี่มุมเมือง ตรงไหนที่รับผู้ป่วยได้มากก็พัฒนาขึ้น เช่น รพ.บุษราคัมรับเฉลี่ย 1.2 พันคน ก็หารพ.สนามขนาด 200 เตียงประมาณ 5-6 แห่งก็จะครอบคลุม รวมถึงปรับปรุงศูนย์นิมิบุตร หรือสนามกีฬาอินดอร์สเตเดียม เป็นต้น โดยใช้ประสบการณ์ในการตั้ง รพ.บุษราคัม ซึ่งสามารถตั้งได้ใน 7 วัน มีอุปกรณ์ เครื่องช่วยหายใจ ทุกอย่างพร้อม ขาดแค่ไอซียู เชื่อว่าสามารถอัพเกรด รพ.สนามให้เป็นแบบนี้ได้มากขึ้น ทั้งหมดอยู่ในแผนอยู่แล้ว จะมีรพ.สนามที่ยกระดับมากขึ้น เราทำทุกอย่างให้ทันสถานการณ์"นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าผู้ป่วยสีเหลืองในรพ.น้อยลง โดยมารพ.สนามมากขึ้น ในรพ.ก็ดูแลผู้ป่วยได้ใกล้ชิด การยกระดับอาการป่วยปานกลางเป็นป่วยหนักก็ช้าลง หรือไปไม่ถึงขั้นนั้น อาการดีขึ้นจนหายป่วย สาธารณสุขต้องปรับระบบรักษาพยาบาลให้สอดคล้องสถานการณ์ ส่วนบุคลากรเรามีประสบการณ์จาการทำรพ.บุษราคัม โดยทุกรพ.ในประเทศไทยจัดแพทย์ พยาบาล มาสับเปลี่ยนทุก 2 สัปดาห์ จึงมีคนที่มีประสบการณ์บริหารจัดการ รพ.สนามระดับนี้ได้จำนวนมาก พอเราขยายไปเปิดที่อื่นเพิ่มก็สามารถทำได้