ผู้ว่าฯสุพรรณ สั่งสอบผญบ.ด่วน! หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด19 กลับจากอังกฤษ กักตัวไม่ครบ!
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ไวรัสโควิด -19 ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรีว่า ทางศูนย์ปฏิบัติการ โควิด-19 สุพรรณบุรี นำข้อมูลทามไลน์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด -19 ยืนยันเป็นชาวจ.นครปฐม เพศชาย อายุ 48 ปี หลังเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา จากนั้นได้เดินทางไปบ้านพักที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม พอเช้าวันรุ่งเช้าวันที่ 26 มีนาคม ได้เดินทางมาหาญาติ ที่ต.บางพลับ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี และมาหาพ่อแม่ ที่บ้านพัก ที่ ต.มะขามล้ม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี จากนั้นนำรถไปซ่อมในร้านของหมู่บ้าน และ วันถัดมา ก็ไปซื้อก๋วยเตี๋ยว ร้านแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน ต่อมาวันที่ 3-5 เมษายน ได้เดินทางมาพบแพทย์ที่คลินิคแห่งหนึ่ง ในอ.เมือง จ.สุพรรณบุรี จนวันที่ 7 เมษายน ได้เดินทางกลับไปที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ในจ.นครปฐม เพื่อพบแพทย์และถูกส่งตัวมารักษาต่อที่รพ.รัฐแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม และยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ซึ่งทางทางศูนย์ปฏิบัติการโควิด -19 จึงได้แจ้งข้อมูลกับประชาชน ตามทามไลน์ดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนที่ใกล้ชิด หรือ กลุ่มเสี่ยง ได้ทำการกักตัวเอง 14 วัน หรือ แจ้งไปที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รพ.สต.ในชุมชน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวผู้ติดเชื้อโควิด -19 นั้น เป็นผู้ป่วยยืนยันจาก จ.นครปฐม และมีการได้แจ้งทามไลน์ มายังทางสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งทางจังหวัดจึงได้นำข้อมูลแจ้งกับประชาชน และนำทีมสอบสวนโรค ไปสวบสวนโรคผู้ที่ใกล้ชิด หรือ กลุ่มเสี่ยงในพื้นที่แล้ว หลัง พบว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าว ซึ่งเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ ตั้งแต่วันที่ 25 ถึงบ้านพักที่ จ.นครปฐม วันต่อมา ก็เดินทางมาหาญาติ และ มาหาพ่อกับแม่ ที่ หมู่1 ต.มะขามล้ม อ.บางปลาม้า และ ทราบข้อมูลมาอีก ว่า ไม่ได้มีการกักตัวเอง ยังเดินทางไปพบปะเพื่อนฝูง ดื่มสุรา จนมีอาการป่วย จึงไปหาหมอ วันที่ 3 – 5 เมษายน ที่คลินิคหมอเอกชน แห่งหนึ่ง ในอ.เมืองสุพรรณบุรี จากนั้นวันที่ 6 เมษายน ได้เดินทางกลับไปหาหมอ ที่ รพ.เอกชน ที่จ.นครปฐม และถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.รัฐ จ.นครปฐม โดยผลออกมายืนยันการติดเชื้อ วันที่ 7 เมษายน ทั้งนี้ทางสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้มีการแจ้งทามไลน์แก่สถานที่และบุคคลผู้ใกล้ชิดสัมผัสเสี่ยงสูง และ บุคคลที่อยู่ร่วมในทามไลน์ดังกล่าว ให้ดูแลสุขภาพ และทำการกักตัวเอง 14 วัน เพื่อดูอาการ ทั้งนี้ทางจังหวัดได้ส่ง ทีมสวบสวนโรค ได้ลงไปตามจุดต่างๆ แล้ว ซึงทางคลินิคเอกชน แพทย์ได้ปิดคลินิค และแจ้งทามไลน์เรียบร้อย พร้อมมี เจ้าหน้าที่เข้าไปฉีดยาฆ่าเชื้อ ส่วนผู้สัมผัสในชุมชน ขณะนี้ จนท.รพ.สต.ได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว
“ส่วนกรณี ที่ผู้ป่วยคนดังกล่าว มีการไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง และมีผู้ใหญ่บ้านร่วมอยู่ด้วยนั้น กรณีดังกล่าว เบื้องต้นได้สั่งการให้ นายอำเภอในพื้นที่ ไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงแล้ว ทั้งสอบเรื่องการแจ้งข้อมูลการกักตัวของผุ้เดินทางกลับจากต่างประเทศ และ การปฏิบัติตัวในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งหากพบว่าผู้ใหญ่บ้านทำในสิ่งไม่ถูกต้อง และมีความผิดจริง ก็ต้องสอบสวนวินัย และดำเนินการลงโทษไปตามวินัย เบื้องต้นได้สั่งให้กักตัวเอง และให้ทางอำเภอดำเนินการต่อไป” นายนิมิต กล่าว
นายนิมิต กล่าวอีกว่า ทางจ.สุพรรณบุรี จึงขอความร่วมมือแก่ประชาชนทุกคน กรณีนี้ ก็เป็นตัวอย่างอีกกรณี ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและไม่มีการกักตัวเอง ให้ครบ 14 วัน และเดินทางมาหาพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ที่จ.สุพรรณบุรี รวมถึงมีการออกมา สังสรรค์ ซึ่งอยากให้ทุกคนตระหนักในจุดนี้ เพราะไม่เช่นนั้น ก็ไม่จบ เราต้องร่วมมือกัน ซึ่งเราต้องสร้างความสามัคคี จนท.ทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ แพทย์ พยาบาล บุคคลาการสาธารณสุข ทุกท่าน รวมถึง ตำรวจ ทหาร ปกครอง เจ้าหกน้าที่ภาครัฐและ ประชาชนทุกอาชีพ ทุกคน ที่ยอมได้รับผลกระทบ ทำตามมาตราการรัฐอย่างเคร่งครัด จากสถานการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งทางจังหวัดเอง เราทำงานกันเต็มที่ วางมาตราการทุกอย่าง เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย และ ก้าวผ่านสถานการณ์ครั้งนี้ไปโดยเร็ว และไม่อยากให้เกิดการรังเกียจกัน แต่ทุกคนต้องร่วมมือกัน โดยเฉพาะในชุมชน ต้องร่วมมือตระหนัก และ ร่วมกันปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้