หุ้นวันนี้ดาวโจนส์ 17 ตุลาคม 2568 ปิดร่วง 301 จุด กังวลวิกฤตธนาคารภูมิภาค

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 301 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2568 โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงกว่า 300 จุด หลังนักลงทุนวิตกต่อปัญหาความอ่อนแอของธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐฯ และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม ดาวโจนส์ (Dow Jones) ปิดที่ 45,952.24 จุด ลดลง 301.07 จุด หรือ -0.65%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,629.07 จุด ลดลง 41.99 จุด หรือ -0.63%
และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,562.54 จุด ลดลง 107.54 จุด หรือ -0.47%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มอุตสาหกรรมในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มการเงินร่วงหนักสุด 2.75% ตามด้วยกลุ่มพลังงานลดลง 1.12% ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีเพียงกลุ่มเดียวที่ปรับตัวขึ้น 0.13%
ธนาคารระดับภูมิภาคสหรัฐฯ สั่นคลอนอีกครั้ง
แรงเทขายส่วนใหญ่เกิดจากความกังวลต่อภาคการธนาคาร โดยหุ้น Zions Bancorporation ร่วงลงถึง 13% หลังธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนจากสินเชื่อสองรายการในรัฐแคลิฟอร์เนีย สร้างความหวั่นวิตกต่อเสถียรภาพทางสินเชื่อของธนาคารขนาดกลางและเล็ก ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง
ขณะที่หุ้น Western Alliance ดิ่งลง 10.8% หลังมีรายงานว่าธนาคารยื่นฟ้องคดีฉ้อโกงต่อผู้กู้รายหนึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าวตอกย้ำความเปราะบางของธนาคารภูมิภาค ซึ่งเริ่มสร้างแรงสั่นสะเทือนในระบบการเงินอีกครั้ง นับตั้งแต่กรณีการล้มละลายของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ First Brands และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Tricolor เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
สถานการณ์ครั้งนี้ทำให้นักลงทุนรื้อฟื้นความทรงจำถึงวิกฤตธนาคารภูมิภาคในปี 2566 ที่ Silicon Valley Bank (SVB) และ Signature Bank (SB) ล้มละลายจากการถอนเงินจำนวนมหาศาลของลูกค้ากลุ่มเทคโนโลยีและสตาร์ตอัป ซึ่งเคยสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในตลาดการเงินสหรัฐฯ
ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ-จีนฉุดบรรยากาศลงทุน
ตลาดยังเผชิญแรงกดดันจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ของโลก หลัง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 100% ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เพื่อตอบโต้การที่จีนออกมาตรการจำกัดการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและพลังงานสะอาด
นักลงทุนจับตาภาวะชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (Government Shutdown) ซึ่งเข้าสู่วันที่ 16 แล้ว โดยการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังไม่คืบหน้า ทำให้ความหวังในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเริ่มเลือนลาง
หุ้นเทคโนโลยีและ AI ร่วงตามตลาด
หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ปรับตัวลงพร้อมกัน โดย Palantir และ Meta Platforms ลดลง 0.8% ส่วน Tesla ร่วง 1.5% ขณะที่หุ้นกลุ่มประกันภัยในดัชนี S&P500 อ่อนตัว หลัง Travelers Companies เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาด ทำให้ราคาหุ้นร่วงเกือบ 3%
หุ้น Hewlett Packard Enterprise (HPE) ร่วงแรง 10% หลังบริษัทคาดการณ์กำไรและรายได้ปีงบประมาณ 2568 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชี้ภาคการผลิตชะลอตัว
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตมิดแอตแลนติกเดือนตุลาคมลดลง 36 จุด สู่ระดับ -12.8 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ +9.5 บ่งชี้ภาวะหดตัวในภาคอุตสาหกรรม ขณะที่การจ้างงานในภาคนี้เริ่มชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติสหรัฐฯ (NAHB) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านเดือนตุลาคมปรับขึ้น 5 จุด แตะระดับ 37 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองเริ่มปรับลดลง
สรุป: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งความเสี่ยงด้านธนาคารภูมิภาค ความไม่แน่นอนทางการค้า และปัญหาการเมืองภายในประเทศ ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่าความผันผวนอาจยังดำเนินต่อไปในระยะสั้น จนกว่าจะมีความชัดเจนจากฝั่งนโยบายการเงินของเฟดและท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
