SIMATกำไรแรง1,210% ออเดอร์เกาหลีทะลัก
ทันหุ้น – SIMAT ประกาศผลงานไตรมาส 2/64 ทะยาน 1,210% แตะ 32.1 ล้านบาท ชี้ออเดอร์จากกลุ่มเกาหลีไหลเข้าเพียบ ฟากผู้บริหาร “ธีรวุฒิ กานต์นิภากุล” ส่งซิกธุรกิจครึ่งปีหลังต่อโต ไฮซีซันหนุนบริษัทย่อย คำสั่งซื้อลูกค้าใหม่ทยอยเข้า พร้อมเดินหน้าลดต้นทุน ปั๊มมาร์จิ้นฟู กางแผนขยายธุรกิจ New S-curve ปั๊มยอด
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SIMAT ผู้นำธุรกิจด้าน IT Solution ครบวงจรและให้บริการด้าน Internet ความเร็วสูง (Fiber Optic) ทั้งโครงข่ายภายใต้ชื่อ SINET เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 32.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,210% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2.46 ล้านบาท และมีรายได้รวม 249.7 ล้านบาท
ออเดอร์ไหลเข้าอื้อ
โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจลาเบลและซิลค์สกรีน แผงควบคุมในเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์โทรคมนาคม ที่ผลิตภายใต้ บริษัท ฮินซิซึ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ HST บริษัทย่อยของ SIMAT ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 70% มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิม และกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มแบรนด์สินค้าจากเกาหลี รวมทั้งการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 49.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 30.22 ล้านบาท และสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 40.78 ล้านบาท
เข้าไฮซีซันธุรกิจ
ขณะที่ครึ่งปีหลัง 2564 จะเข้าสู่ไฮซีซันของธุรกิจ HST ในไตรมาส 4/2564 โดยทิศทางคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากลูกค้าใหม่ 2 รายจากเกาหลีคาดจะเริ่มทยอยเข้ามาให้เห็นในไตรมาส 4 รวมถึงลูกค้าเดิมญี่ปุ่นและยุโรป ซึ่งบริษัทเคยมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว คาดออเดอร์จะทยอยเข้ามาช่วงดังกล่าวเช่นกัน ประกอบกับครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะเดินหน้าลดต้นทุนในธุรกิจโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (USO Net) และธุรกิจ Fiber Optic คาดจะช่วยหนุนมาร์จิ้นทั้งปีให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ผ่านมาได้ โดย Gross Profit Margin อยู่ที่ 40% และ Net Profit Margin อยู่ที่ 12-13%
บริษัทมองทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2564 จะดีต่อเนื่องครึ่งปีแรก ตามการปรับการดำเนินธุรกิจ และต้นทุนในองค์กรประกอบกับบริษัทจะรับรู้รายได้การให้บริการโครงข่าย USO ระยะที่ 2 หรือการบริหารจัดการ และบำรุงรักษา มูลค่า 1.47 พันล้านบาท โดยมีระยะสัญญา 5 ปี โดยเฉลี่ยการรับรู้ต่อปีประมาณ 270 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก 2564 รับรู้ไปแล้ว 120-130 ล้านบาท
กางแผนขยายธุรกิจ
อย่างไรก็ดีบริษัทวางแผนที่จะขยายธุรกิจออกไปในธุรกิจ New S-curve ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลการลงทุน ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งบริษัทมีความชำนาญและมีประสบการณ์ที่พร้อมจะต่อยอดธุรกิจ และขยายฐานการเติบโตในอนาคต
“คาดธุรกิจครึ่งปีหลัง 2564 จะดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เพราะเป็นไฮซีซันของบริษัทย่อยในไตรมาส 4 บริษัทย่อยจะเข้ามาช่วนหนุนมาร์จิ้นทั้งบริษัทให้เติบโตดียิ่งขึ้น เพราะบริษัทย่อยมีมาร์จิ้นอยู่ราวๆ 40-41% อีกทั้งเรามองว่าธุรกิจการบริการ USO และ Fiber Opticจะเห็นภาพการลดต้นทุนที่ชัดเจน เราเองปรับกลยุทธ์ โดยนำคนให้ไปทำงานมากขึ้น หากพนักงานทำงานได้มาก จะทำให้เราต้นทุนลด และมีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น” นายธีรวุฒิ กล่าว
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณา เพื่อเข้าประมูลงานใหม่ ซึ่งเป็นงานบริการในครึ่งปีหลัง 2564 แต่ยังไม่สามารถเปิดรายละเอียดได้มาก