เดนมาร์กเห็นชอบสั่งห้ามเด็กต่ำกว่า 15 ปี ใช้โซเชียลมีเดีย ปรับยักษ์เทคสูงสุด 6% ของรายได้ทั่วโลก

รัฐบาลเดนมาร์กประกาศข้อตกลงใหม่เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2025 เพื่อออกกฎหมาย ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่เข้มงวดที่สุดในยุโรปที่มุ่งปกป้องเด็กและเยาวชนจากผลกระทบของโลกออนไลน์

ความกังวลต่อผลกระทบจากโลกดิจิทัล

นโยบายนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น ความรุนแรง การกลั่นแกล้ง และแรงกดดันทางสังคมที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการดิจิทัลของเดนมาร์ก แคโรไลน์ สเตจ (Caroline Stage) เปิดเผยข้อมูลชวนตกใจว่า เด็กเดนมาร์กอายุต่ำกว่า 13 ปี มากถึง 94% มีโปรไฟล์บนโซเชียลมีเดียอย่างน้อยหนึ่งแพลตฟอร์ม และกว่า ครึ่งหนึ่งของเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ก็มีบัญชีเช่นกัน

นอกจากนี้ แคโรไลน์ สเตจ ยังชี้ว่า เด็กจำนวนมากประสบปัญหานอนไม่หลับ สูญเสียสมาธิ และรู้สึกกดดันจากความสัมพันธ์บนโลกออนไลน์ ขณะเดียวกันก็วิจารณ์บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ว่าไม่จริงจังกับการแก้ปัญหาเหล่านี้  

แนวทางบังคับใช้และบทลงโทษ

กฎหมายฉบับใหม่นี้ยังต้องผ่านการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ แต่รัฐบาลยืนยันว่าจะออกแบบให้รัดกุมและไม่มีช่องโหว่ให้บริษัทเทคโนโลยีเลี่ยงกฎได้ โดยมีแนวทางหลักดังนี้

• อนุญาตให้เด็กอายุ 13 ปีใช้ได้ในบางกรณี หากผู้ปกครองให้ความยินยอม

• บังคับให้แพลตฟอร์มตรวจสอบอายุผู้ใช้ (Age Verification) อย่างเข้มงวด

• ใช้ระบบบัตรประชาชนดิจิทัล (Digital ID) ของเดนมาร์กที่พลเมืองส่วนใหญ่มีอยู่แล้ว เพื่อช่วยยืนยันตัวตนและอายุ

• โทษปรับรุนแรง: หากบริษัทไม่ปฏิบัติตาม อาจถูกลงโทษปรับสูงสุด 6% ของรายได้ทั่วโลก ภายใต้การบังคับของคณะกรรมาธิการยุโรป

เทียบกับมาตรการในต่างประเทศ

ก่อนหน้านี้ ออสเตรเลีย ได้กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ออกกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดียเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ขณะที่สหภาพยุโรปเองก็มีกฎหมาย Digital Services Act (DSA) ที่กำหนดให้แพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Instagram ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีสร้างบัญชีอยู่แล้ว

ด้าน TikTok ได้ออกแถลงการณ์ตอบรับเชิงบวกต่อแนวคิดของรัฐบาลเดนมาร์ก โดยยืนยันว่าบริษัทมีมาตรการความปลอดภัยกว่า 50 รายการ เช่น ระบบ Family Pairing สำหรับผู้ปกครอง และพร้อมร่วมมือกับภาครัฐเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมกับทุกฝ่าย

ส่วน Meta Platforms ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ยังไม่ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นจากสำนักข่าว Associated Press