รีเซต

ทำให้อเมริการวย แต่ตัวเองจนลง ? อีลอน มัสก์ ประกาศถอยการเมือง

ทำให้อเมริการวย  แต่ตัวเองจนลง ?   อีลอน มัสก์ ประกาศถอยการเมือง
TNN ช่อง16
29 เมษายน 2568 ( 08:00 )
19

มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก "อีลอน มัสก์" ประกาศจะถอยจากบทบาทการเมือง

เพื่อกลับโฟกัส มาดูแล "เทสลา"  Tesla  ลูกรักมากขึ้น 


เพราะตอนนี้เข้าขั้นวิกฤต กำไรหดหายไปแล้วกว่า 70  % แถมยังโดนต่อต้านและโจมตีทางการเมืองอย่างหนัก 

และยังไม่นับรวมอนาคตที่ยังต้องรับแรงกระแทกจากสงครามการค้าโลกอีกมากมาย 

ดังนั้นจึงจับตาดูบทบาทและความเคลื่อนไหวของอีลอน มัสก์ หลังจากนี้ให้ดีว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

หลังจากที่ผ่านมาได้จับมือเคียงข้างกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ

หวังจะปลุกปั้นสหรัฐให้กลับมายิ่งใหญ่และร่ำรวยอีกครั้ง

แต่ดูเหมือนว่าความรวยของอีลอน มัสก์ต่างหากที่กำลังวูบหายไป


เทสลา (Tesla) ของอีลอน มัสก์ ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ กำลังเจอกับภาวะวิกฤต

เมื่อผลประกอบการไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน  ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดอยู่แล้วในสงครามอีวี

โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญอย่าง"บีวายดี" BYD จากจีน  และยังเจอกับแรงกระแทกทางการเมือง

หลังจากที่ อีลอน มัสก์ ทำงานเคลื่อนไหวเป็นเงาหรือมือขวาให้กับผู้นำสหรัฐ

ซึ่งนโยบายต่างๆที่เรียงรายประกาศออกมา ก็ต่างสร้างฟีดแบกผลตอบรับในทางลบมากกว่าบวก 

โดยเฉพาะการไปนั่งเป็นหัวหน้าทีม ให้กับ กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency – DOGE) 

จากนั้นก็สั่งปลดคน เลิกจ้าง ยุบหน่วยงานต่างๆ สร้างความไม่พอใจให้กับคนที่รับผลกระทบอย่างมาก

รวมไปถึงมาตรการต่างๆของทรัมป์ เช่น การขึ้นภาษีศุลกากรไปยังชาติต่างๆด้วย

 เทสลา กลายเป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลทรัมป์และอีลอน มัสก์

จึงต้องโดนหางเลข  ถูกประท้วงต่อต้านอย่างหนักด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ในอเมริกา

แต่ข้อมูลจากเอพีและรอยเตอร์รายงานว่ามีการประท้วงเทสลาไปไกลถึงฝั่ง "ยุโรป" 

ตั้งแต่ลอนดอน เบอร์ลิน ไปจนถึงประเทศเพื่อนบ้านของสหรัฐอย่างแคนาดาก็ด้วย

ที่สำคัญ หลายครั้งไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ 


ซึ่งมีรายงานข่าวว่าสถานีชาร์จไฟ และโชว์รูมของเทสลาโดนโจมตี 

ตั้งแต่การพ่นสี ทุบ ทำลาย ไปถึงจุดไฟเผาให้เสียหาย

แม้กระทั่งคนที่ขับเทสลาก็ไม่รอด มีคนทุบรถ พ่นสี และหลายคนก็ถึงขั้นเอารถไปขายทิ้่ง

ท่ามกลางการรณรงค์ไม่ซื้อไม่ขับเทสลา ที่ทำให้ยอดขายย่้ำแย่ 

หรือแม้กระทั่งคนที่มีหรือขับเทสลาอยู่แล้ว ต่างก็พากันขายทิ้งมากขึ้น

อ้างอิงจากรายงานของ CNBC  ที่ระบุว่ามียอดการนำรถเทสลา ไป Trade in 

เพื่อซื้อรถยี่ห้ออื่นพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมีนาคม 2568 

ตามรายงานจากเว็บไซต์ซื้อขายรถชื่อดัง Edmunds 

ซึ่งระบุว่านี่เป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกได้นับตั้งแต่เปิดให้บริการ

ช่วงแรกที่อีลอน มัสก์ ประกาศหนุนทรัมป์ในการเลือกตั้งช่วงปลายปีก่อน

ทำให้หุ้นของเทสลาได้รับความสนใจพุ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรง

แต่นับถึงเวลานี้ราคาหุ้นร่วงลงไปแล้วกว่า 40  % และยังคงผันผวน 

ส่วนกำไรบริษัทก็ติดลบไปแล้วกว่า 70 %


ผลประกอบการของเทสลา ไตรมาสแรกของปีนี้ออกมาย่ำแย่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งรายได้และกำไร โดยรายได้จากธุรกิจยานยนต์ติดลบไปถึง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน 

อยู่ที่ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 19,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 21,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 9% จากปีก่อนหน้า 

ทั้งนี้เทสลาระบุว่า รายได้ที่ลดลงมีสาเหตุหลักมาจากการส่งมอบรถยนต์ที่ลดลง

เนื่องจากมีการปรับไลน์การผลิตในโรงงานทั้ง 4 แห่งเพื่อเตรียมผลิตรุ่นใหม่ของ Model Y  

รวมถึงราคาขายเฉลี่ยของรถยนต์ที่ถูกลง ทำให้ส่งผลถึงตัวเลขกำไร


ที่สำคัญ คือ เมื่้อส่องไปที่กำไรสุทธิของเทสลา

ปรากฎว่าวูบลงไปอย่าหนัก ติดลบถึง 71% จากปีก่อนหน้า 

จากที่ทำได้ถึง 1,390 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อน 

เหลือเพียง 409 ล้านดอลลาร์ หรือ 12 เซนต์ต่อหุ้นเท่านั้น 


ส่วนภาพรวมของหุ้น Tesla ดิ่งลงมาแล้วกว่า 41% ในปีนี้

 โดยไตรมาสแรกถือเป็นช่วงที่หุ้นตกหนักที่สุดในรอบสามปี 

และยังคงผันผวนตามความไม่แน่นอนจากนโยบายทรัมป์ 



แต่อย่าลืมว่าไตรมาสแรกหรือสามเดือนแรกของปีนี้ 

ภาษีทรัมป์หรือการขึ้นภาษีทั้งรถยนต์ และสินค้านำเข้าต่างๆ

ยังแทบไม่มีผล แต่หลังจากนี้ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน จะหนักหนาสาหัสขึ้นเรื่อยๆ 

แม้จะมีการวิเคราะห์ว่าเทสลา น่าจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับบรรดาค่ายรถต่างๆ 

แต่สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เทสลายอมรับว่า สถานการณ์ภาษีศุลกากรในปัจจุบัน

จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจพลังงานของบริษัทมากกว่าธุรกิจรถยนต์ 

และเทสลากำลังดำเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพของธุรกิจในระยะกลาง-ยาว 

รวมทั้งจะมุ่งเน้นไปที่การรักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจ


และล่าสุด อีลอน มัสก์ ได้ออกมาประกาศว่า

จะขอลดบทบาททางการเมืองกับรัฐบาลสหรัฐ

เพื่อกลับมาโฟกัสกับงานบริหารเทสลา 

และจะเริ่มตั้งแต่พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป 


อีลอน มัสก์ ออกมาให้คำมั่นกับสาธารณชนว่าตั้งเดือนหน้าหรือพฤษภาคมนี้

เค้าจะขอลดบทบาทตัวเองลงจากรัฐบาลสหรัฐแล้ว 

เพื่อมาโฟกัสที่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าเทสลาแทน โดยบอกว่าหน้าที่ของเค้า

ในตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ DOGE กำลังจะเสร็จสิ้นลงในไม่ช้า

มัสก์ประกาศว่า เขาจะลดเวลาการทำงานให้กับรัฐบาลลงเหลือแค่ 1-2 วันต่อสัปดาห์ 

ถ้าหากว่าทรัมป์ยังอยากให้เขาทำงานให้อยู่ และคิดว่าการทำงานของเขายังเป็นประโยชน์อยู่ 


อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้มัสก์อยากถอนตัวออกจากการทำงานให้กับทรัมป์ครั้งนี้

อาจเป็นเพราะเรื่องการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีน และการขึ้นภาษีรถยนต์ 

เพราะมัสก์ก็เป็นนักธุรกิจรับผลกระทบจากเรื่องนี้โดยตรง 

เนื่องจากเทสลาก็มีโรงงานผลิตรถยนต์อยู่ที่ประเทศจีน 

และแม้ว่ารถเทสลาที่ขายในสหรัฐฯ จะผลิตจากโรงงานในสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นรถเทสลาที่นำเข้าจากประเทศจีน 

แต่ว่าก็ยังต้องพึ่งพิงชิ้นส่วนและอะไหล่ที่ต้องนำเข้าจากจีนอีกหลายอย่าง และเมื่อเจอภาษีก็ไปกระทบต่อต้นทุน 


ข้อมูล : สะท้อนจากผลสำรวจล่าสุดของ CNBC เผยความคิดเห็นของสาธารณชนต่อ อีลอน มัสก์ และบริษัท Tesla 

กำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างชัดเจน โดยคนอเมริกันครึ่งหนึ่งมอง อีลอน มัสก์ ในแง่ลบเพิ่มมากขึ้น 

ผลสำรวจ "All-America Economic Survey" ของ CNBC ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-12 เมษายนที่ผ่านมา 

พบว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีมุมมองเชิงลบต่อ อีลอน มัสก์ และ 47% ไม่รู้สึกดีกับ Tesla 

ในส่วนของ อีลอน มัสก์ เอง ก็ได้รับคะแนนความนิยมที่ลดลง โดยมีเพียง 36% เท่านั้นที่มองเขาในแง่ดี 



ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง