โบรกฯ คาด SET ปรับขึ้นตามตลาดทั่วโลก คาดหวังเชิงบวกต่อผลเลือกตั้งสหรัฐ
ทันหุ้น-สู้โควิด : บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ระบุ SET Index ปิดที่ระดับ 1221.33 จุด (+19.17 จุด) วานนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรง โดยล่าสุดมาปิดจ่อที่แนวต้าน 1222 จุด หากจะทำให้ทิศทางบวกกลับมา (ในภาพระยะกลาง) ดัชนีต้องขึ้นปิด Gap ที่ 1227 จุดอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น ทยอยลดพอร์ตการลงทุน จนกว่าดัชนีจะกลับมายืน 1227 จุด
ไม่มีหุ้น รอดัชนีขึ้นผ่านแนวต้าน 1227 จุด เป็นจังหวะในการเก็งกำไรตาม
ประเมินแนวรับ 1210/1200 แนวต้าน 1222/1227
**บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาดดัชนีฯ ผันผวนตามผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยน่าจะชัดเจนว่าใครเป็นผู้ชนะในช่วงบ่ายของวันนี้ กลยุทธ์รอดูผลเลือกตั้งสหรัฐฯ หากผลทำให้ตลาดบวกต่อได้ ก็ยังคง “ถือ” หรือเข้าเก็งกำไรต่อได้เช่นกัน เราเริ่มเห็นการนับคะแนนในเบื้องต้นของการเลือกตั้งประธนาธิบดีสหรัฐฯกันบ้างแล้ว แม้ยังระบุไม่ได้แต่ กระแสข่าว ยังเชื่อว่า Biden มีโอกาสชนะประธานาธิบดี Trump รวมทั้ง พรรคเดโมแครต มีโอกาสที่จะได้เสียงในสภา Senate จนสามารถครองเสียงข้างมากได้ทั้งสองสภาฯ หรือที่เรียกว่า “Blue Wave Victory” หากเป็นจริง จะเป็นผลดีกรณีที่ Biden ขึ้นเป็นประธานาธิบดี เพราะจะออกกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจได้ง่ายขึ้น เรามองว่า ไม่ว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดี ตลาดหุ้น(สหรัฐฯ) ก็น่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น เพราะแผนระยะสั้นของประธานาธิบดีคนใหม่ คือ จัดการกับ Covid-19 (เร่งการออกวัคซีน) และเร่งออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะดีต่อสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ ด้วย
ราคาน้ำมัน และปิโตรเคมี ได้อานิสงค์จาก OPEC+ เตรียมชะลอการเพิ่มกำลังการผลิต ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ ยังน่าจะช่วยประคองตลาดหุ้นไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ ล่าสุด Brent อยู่ที่ $39.7 เหรียญ/บาร์เรล ดีต่อหุ้น PTTEP, SCC, VNT สถานการณ์การชุมนุม ยังไม่มีอะไรใหม่ แต่ฝั่งรัฐบาล ได้เตรียม ถก 7 ญัตติ แก้รธน. 17 พ.ย.นี้ และรวมทีมสมานฉันท์เพื่อหาทางออก เราประเมินประเด็นการชุมนุมมีผลต่อตลาดน้อยลงในช่วงนี้ Event สำคัญๆ วันนี้ นายกฯ นั่งประธานในการประชุม BOI มีผลต่อหุ้นกลุ่มนิคมฯ
#Strategy
วันนี้ตลาดหุ้นไทย(ทั่วโลก) อาจผันผวน แต่โอกาสบวกมีมากกว่า พิจารณาได้จากราคาสินทรัพย์จำพวก safe haven ที่อ่อนตัวลง ทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และราคาทองคำ ที่เกาะอยู่แถวๆ $1900 เหรียญ (ได้ผลจากดอลล่าร์อ่อนพยุงไว้) กลยุทธ์วันนี้ แนะรอดูผลเลือกตั้งสหรัฐฯ หากผลทำให้ตลาดบวกต่อได้ ก็ยังคง “ถือ” หรือเข้าเก็งกำไรต่อได้เช่นกัน
พอร์ตหุ้นวันนี้ เราเพิ่ม SUN* และ เพิ่มน้ำหนักให้ BBL จาก 20% เป็น 30% ทำให้พอร์ตหลักประกอบด้วย SUN*(10%), BCPG*(10%), CK(10%), KTC(10%), TQM(10%), DCC*(10%), BANPU*(10%), SAT(10%), STA(10%) ส่วนพอร์ต KTBST SET50 Skynet มี CBG(10%), BDMS(10%), RATCH (20%), BBL(30%), GULF(10%)
#Strategy top picks
CK : (เป้าเชิงกลยุทธ์ 17 บาท) “ กำไรปกติ 3Q-20 คาดฟื้นตัว”
- ราคาหุ้น CK ได้ปรับตัวลงมามาก และเราเห็นการฟื้นตัวของบริษัทลูก อาทิ TTW, BEM ด้วย
- ประเมินกำไรปกติ 3Q20E ที่ 335 ล้านบาท +63% YoY, +425% QoQ ผลการดำเนินงานที่เติบโตโดดเด่นหลัก ๆ หนุนโดยส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม CKP ที่พลิกเป็นกำไรจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตแล้วตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา
- BEM (31.3%) จำนวนผู้ใช้บริการทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่กลับมาฟื้นตัว
Technical : IIG, CBG
**บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ส่องแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัวในแดนบวกทดสอบแนวต้าน 1,233-1,240 จุด ตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากความคาดหวังเชิงบวกต่อผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยคาดเริ่มเห็นความชัดเจนช่วงเที่ยงวันนี้
• หากไบเดนชนะและเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา เรามองบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก กรณีแบ่งสภาเรามองบวกต่อเอเชีย
• แต่หากทรัมป์ชนะและครองเสียงสองสภา เรามองบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯแต่ลบกับเอเชีย กรณีแบ่งสภาเรามองสถานการณ์จะใกล้เคียงกับปัจจุบัน
• กรณี 2 สภาเป็นฝั่งตรงข้ามกับผู้ชนะประธานาธิบดี เรามองบวกต่อเอเชีย
หากผลการเลือกตั้งออกมาในกรณีบวกต่อหุ้นเอเชีย เราแนะนำเก็งกำไรหุ้น Big Cap จากกระแสเงินทุนที่มีโอกาสไหลเข้า ส่วนระยะสั้นยังแนะนำ Selective Play หุ้นที่คาดมีกำไร 3Q20 แข็งแกร่ง เช่น กลุ่มอาหารเครื่องดื่ม อสังหาฯ โรงพยาบาล เป็นต้น
กลยุทธ์ : เก็งกำไร Big Cap และหุ้นที่คาดกำไร 3Q20 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานบริเวณแนวรับ 1,180-1,200 จุด
หุ้นเด่นเดือนพ.ย. :AP, BCH, CBG, MAKRO, ZIGA
หุ้นเด่นวันนี้: JWD
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10 บาท
• เราคาดกำไรปกติ 3Q20 กลับมาเกือบเป็นปกติ +46% Q-Q, -6% Y-Y และยังมีโมเมนตัมฟื้นตัวต่อเนื่องใน 4Q20 และเป็นจุดสูงสุดของปี คาดกำไรปี 2020 -19% Y-Y ก่อนฟื้นตัว +22% Y-Y ในปี 2021
• เราชอบศักยภาพการเติบโตระยะยาวจากการวางรากฐานในหลายประเทศในเอเชีย และ Logistic เป็นกระดูกสันหลังจองหลายธุรกิจ ราคาหุ้นยังใกล้ฐานแนวรับ 6.80-7 บาท ขณะที่ Valuation ซื้อขายที่ EV/EBITDA ราว 11.6 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 20 เท่า
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$646 ล้าน โดยยังคงไหลเข้ากระจุกตัวในเอเชียตะวันออกอย่างไต้หวันและเกาหลีใต้ US$539 ล้านและ US$250ล้าน ตามลำดับ ส่วนตลาด TIP ยังมีเม็ดเงินไหลออกนำโดยไทย US$72 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าหลังจากทราบความชัดเจนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ