เชียงใหม่ไฟป่าพุ่ง 156 จุดทิ้งท้ายก่อนหมดประกาศห้ามเผา
วันนี้ ( 30 เม.ย. 67 )ผู้สื่อข่าวจังหวัดเชียงใหม่เช้าวันนี้ไฟป่าเพิ่มขึ้นเป็นวันสุดท้ายของการประกาศห้ามเผาในที่โล่งแจ้งทุกชนิดตั้งแต่ 1 มกราคม - 30 เมษ ายน 2567 ทั้งนี้หากมีความจำเป็นต้องเผาต้องได้รับอนุญาตจากศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อำเภอ โดยจะลงทะบียนผานระบบ FierD หรือแจ้งความประสงค์ที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน
จากข้อมูลศูนย์อำนวยป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ รายงานจุดความร้อน (Hotspot) ประจำวันที่ 30 เมษายน 2567 รอบเช้า จังหวัดเชียงใหม่พบจุดความร้อน จำนวน 156 จุด พบในพื้นที่อำเภอเชียงดาว 30 จุด,แม่แจ่ม 21 จุด ,แม่แตง 18 จุด ,พร้าว 18 จุด ,แม่ออน 15 จุด ,เวียงแหง 10 จุด ,แม่วาง 8 จุด ,กัลยาณิวัฒนา 7 จุด ,สะเมิง 6 จุด ,ฝาง 4 จุด ,สันทราย 3 จุด ,ดอยสะเก็ด 3 จุด ,แม่ริม 3 จุด ,ดอยหล่อ 2 จุด ,สันป่าตอง 2 จุด,แม่อาย 2 จุด ,จอมทอง 2 จุด ,ฮอด 1 จุด ,ไชยปราการ 1 จุด
อย่างไรก็ตามพบว่าคำร้องขอจัดการเชื้อเพลิง จากแอพพลิเคชั่น ไฟดี หรือ FireD ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 จำนวน 14,450 รายการ จำนวน 390,424 ไร่ อนุมัติจัดการเชื้อเพลิงจำนวน 12,640 รายการ จำนวน 350,859 ไร่ รายงายผลการดำเนินการจัดการเชื้อเพลิง 5,777 รายการ จำนวน 193,061 ไร่ และจุดบริหารจัดการเชื้อเพลิงรวมจำนวน 671 จุด
จากการตรวจสอบ จากค่าเฉลี่ย PM2.5 เป็นรายชั่วโมงจากเว็บไซต์ cmuccdc.org ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เวลา 11.00 น. รายงานพบสูงสุดที่1.รพ.สต.บ้านปางมะเยา ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 247 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,2. บ้านหัวโท ม. 6 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 203 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,3.รพ.สต.บ้านขามสุ่มป่า จ.เชียงใหม่194 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,4.โรงพยาบาลเวียงแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ 180 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ5.รพ.สต.บ้านใหม่ ต.เมืองคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่176 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ขณะที่เว็บ iqair รายงานคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่เมื่อเวลา 11.00 น.ค่าเฉลี่ยดัชนีคุณภาพอากาศ US AQI จังหวัดเชียงใหม่ ยังจะอยู่อันดับ 6 ของโลก มีค่า 157ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรมีผลกระทบต่อทุกคน ความเข้มข้น PM2.5 ในเชียงใหม่ขณะนี้เป็น 13.6 เท่าของค่าแนวทางคุณภาพอากาศประจำปีขององค์การอนามัยโลก
ภาพจาก: AFP