รีเซต

เอกชนหนุนรัฐคลายล็อกดาวน์ เริ่มต้นขอซื้อกลับบ้านผ่านหน้าร้านได้ก่อน เชื่อช่วยคืนชีพธุรกิจ-ศก.รวม

เอกชนหนุนรัฐคลายล็อกดาวน์ เริ่มต้นขอซื้อกลับบ้านผ่านหน้าร้านได้ก่อน เชื่อช่วยคืนชีพธุรกิจ-ศก.รวม
มติชน
23 สิงหาคม 2564 ( 06:54 )
34
เอกชนหนุนรัฐคลายล็อกดาวน์ เริ่มต้นขอซื้อกลับบ้านผ่านหน้าร้านได้ก่อน เชื่อช่วยคืนชีพธุรกิจ-ศก.รวม

 

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากนากยกรัฐมนตรี สงสัญญาณในการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ โดยเบื้องต้นภาคธุรกิจส่วนใหญ่ต้องการให้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และการจำกัดต่างๆ อยู่แล้ว เนื่องจากนับตั้งแต่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์ ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ก็เกิดผลกระทบที่ส่งผลขยายเป็นวงกว้างมากเกินไป ทั้งในส่วนของประชาชนและธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร ที่รูปแบบธุรกิจ (โมเดล) ของร้านอาหารไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อรองรับการจำหน่ายอาหารแบบไม่ผ่านหน้าร้าน หรือการซื้อกลับบ้านเท่านั้น ซึ่งร้านอาหารส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในห้างสรรพสินค้า ที่ยังปิดให้บริการอยู่ ทำให้การทำธุรกิจยังไม่สามารถกลับมาได้ตามปกติโดยอย่างแรกที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการคือ การผ่อนปรนให้ลูกค้าสามารถซื้ออาหารกลับบ้านได้เอง ผ่านหน้าร้านต่างๆ เนื่องจากขณะนี้อนุญาตให้ลูกค้าสั่งอาหารผ่านออนไลน์ หรือใช้บริการดิริเวอรี่เป็นหลัก เนื่องจากสาธารณสุขเป็นห่วงไม่อยากให้คนออกไปใช้ชีวิตปะปนอยู่ร่วมกันมากนัก หรือการนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหาร เพราะต้องถอดหน้ากากอนามัยออก แต่จากภาพที่เห็นในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่า เมื่อคนทั่วไปจำเป็นต้องออกนอกบ้าน หรือซื้อสินค้านอกบ้าน ตามตลาดสด ห้างสรรพสินค้าต่างๆ คนส่วนใหญ่จะใส่หน้ากากอนามัย และป้องกันตัวเองแบบเต็มที่อยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้การติดเชื้อโควิดรายใหม่เกิดขึ้นจากส่งต่อเชื้อกันภายในครอบครัวมากกว่าแล้ว

 

 

 

“ผู้ติดเชื้อรายใหม่แม้จะยังเพิ่มขึ้น แต่เริ่มเห็นเป็นตัวเลขที่ทรงตัวแล้ว จึงสนับสนุนแนวคิดนี้ หากรัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ หรือเปิดเมืองเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลที่มีอยู่ แม้รัฐบาลจะใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อจำกัดความเสี่ยงต่างๆ แต่ยังเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับสูงอยู่ ทำให้รัฐบาลต้องดูแลระบบเศรษฐกิจ และระบบสาธารสุขให้สมดุลย์กันมากที่สุด เนื่องจากหากยังปล่อยให้โควิดระบาดลากยาวแบบนี้ และขยายเวลาใช้ล็อกดาวน์ออกไปอีก ผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจำนวนมากนั้น จะยิ่งถูกกระทบสูงขึ้นอีก โดยประเมินเฉพาะร้านอาหารขณะนี้สามารถจำหน่ายได้ผ่านช่องทางดิริเวอรี่เท่านั้น แต่การจำหน่ายรูปแบบรายได้ไม่มากนัก เป็นการจำหน่ายเพื่อรักษาสภาพคล่องและช่วยให้พนักงานมีงานทำอยู่เท่านั้น” นายบุญยง กล่าว

 

 

 

นายบุญยง กล่าวว่า หากสามารถเปิดกิจกรรมเพิ่มขึ้นได้ในเดือนกันยายนนี้ เชื่อว่าจะช่วยให้บรรยากาศฟื้นตัวกลับมามากขึ้น รวมถึงดึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะงักงัน และซึมตัวอยู่ในขณะนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น โดยมองทิศทางในช่วงไตรมาส 4/2564 ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจจะกลับมาได้ดีมากกว่านี้ เพราะจำนวนวัคซีนมีเข้ามามากขึ้น ทั้งจำนวนและยี่ห้อของวัคซีน ซึ่งการทยอยปลดล็อกปัจจัยเสี่ยงไปเรื่อยๆ จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ จึงมองว่า ช่วงไตรมาส 3 จะเป็นช่วงที่ธุรกิจถูกกระทบลึกที่สุด เพราะช่วงเวลาของการล็อกดาวน์ใกล้เคียงกันเทียบกับปี 2563 ซึ่งพิจารณาผลประกอบการช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีความแข็งแรงกว่าปี 2563 แต่การใช้มาตรการควบคุมเข้มข้นขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ส่งผลกระทบในแง่รายได้มาเกือบ 2 เดือนแล้ว โดยหากรัฐบาล สามารถปลดล็อกมาตรการเข้มข้นในเดือนกันยายนนี้ได้ มองว่าธุรกิจร้านอาหารไปได้สวยแน่นอน เนื่องจากจะช่วยดึงสภาพคล่องออกมา เพราะเป็นธุรกิจที่มีกระแสเงินสดต่อเนื่อง และเป็นธุรกิจประเภทปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต ทำให้เมื่อกลับมาประกอบธุรกิจใหม่ได้ กระแสเงินสดและาภาพคล่องกลับมาได้เร็วแน่นอน อย่างน้อย 1-2 เดือนน่าจะสามารถเข้าที่เข้าทางได้

 

 

 

นายบุญยง กล่าวว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจ มองว่าจะต้องมาพร้อมกับการควบคุมการระบาดและผลกระทบที่เกิดขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา รัฐบาลก็พยายามทำทุกทางแล้ว โดยสนับสนุนให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่มก้อนใหญ่ เพื่อช่วยเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และภาคธุรกิจที่ถูกกระทบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งมองว่าขณะนี้รัฐบาลจะต้องทุ่มสุดตัว ในการกู้เงินครั้งใหญ่เป็นประวัติศาสตร์ เพื่อนำงบประมาณมาช่วยเหลือในทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบเพราะผลกระทบในขณะนี้ไม่สามารถรอให้ประชาชนหรือผู้ประกอบการมาห่างลืมหรือว่าขอความช่วยเหลือเป็นกลุ่มเป็นก้อนได้เนื่องจากความช่วยเหลือจะช้าเกินไป เพราะความเดือดร้อนในตอนนี้ มีตั้งแต่ร้านนวดแผนไทย นักดนตรี อาชีพกลางวันหรือกลางคืนถูกกระทบหมด จึงมองว่ารัฐบาลควรเร่งจัดหางบประมาณมาช่วยพลิกฟื้นธุรกิจเหล่านี้ ก่อนที่จะล้มหายตายจากกันหมด โดยเชื่อว่าหากต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาเร็ว รัฐบาลจะต้องอัดฉีดเม็ดเงินผ่านความช่วยเหลือทุกด้าน ส่งเข้าไปในระบบเศรษฐกิจรวม เพื่อให้หมุนเวียนอย่างน้อย 2-3 รอบ ซึ่งเงินที่ใส่เข้าไป จะถูกหมุนอยู่ในเศรษฐกิจรวมและไม่ได้หายไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง