รีเซต

โบรกฯ คาดSETแกว่งกรอบแคบ จับตาแผนเยียวยาศก.สหรัฐฯ-ทิศทางการเมือง

โบรกฯ คาดSETแกว่งกรอบแคบ จับตาแผนเยียวยาศก.สหรัฐฯ-ทิศทางการเมือง
ทันหุ้น
2 ตุลาคม 2563 ( 09:22 )
44
โบรกฯ คาดSETแกว่งกรอบแคบ จับตาแผนเยียวยาศก.สหรัฐฯ-ทิศทางการเมือง

ทันหุ้น-สู้โควิด : บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินดัชนีฯ แกว่งกรอบแคบก่อนเข้าวันหยุด ตลาดรอดูแผนเยียวยาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ  ไร้ข่าวบวกใหม่ รอความชัดเจนทิศทางการเมือง และการสรรหารัฐมนตรีคลังคนใหม่ กลยุทธ์  ดัชนีฯกลับมายืนที่เดิม แรงขายน่าจะเบาลง แต่ยังต้องเน้นเล่นสั้นๆ อยู่เช่นเดิม

 

Covid-19 การติดเชื้อในยุโรปยังเพิ่มขึ้น  นาย Hope Hicks ผู้ให้การสนับสนุนและอยู่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดี Trump ทดสอบ Covid-19 ให้ผลเป็น “positive”  ทำให้ Covid-19 ยังเป็นปัจจัยที่ถ่วงตลาดตัวหลักๆ  แม้ตัวช่วยที่เราได้เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเป็นการผ่านร่างงบประมาณเพื่อเยียวยาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนจะปิดสมัยประชุมสภาฯ ทั้งนี้ เช้าที่ผ่านมา สภาผู้แทนฯ ได้อนุมัติงบของเดโมแครต $2.2 ล้านล้านเหรียญ แต่คาดว่าจะถูกปัดตกในสภา Senate ที่เตรียมเสนอแผนของรีพับรีกันที่ $1.6 ล้านล้านเหรียญ  โดยตลาดคาดว่างบตัวนี้ อาจจบลงที่ $1.9 ล้านล้านเหรียญ กล่างคือ ถ้าผ่านสภาฯได้ไม่ว่าตัวเลขใด จะบวกมากกว่าลบ แต่เช้าวันนี้ ตลาดกังวลว่าจะไม่สามารถตกลงกันได้  อาจส่งผลมาถึงตลาดหุ้นเอเซียเช้านี้ด้วย

 

ด้านของไทยเอง มีความเป็นไปได้ที่สัปดาห์หน้า เราจะทราบว่าใครน่าจะเข้ามานั่งตำแหน่ง รมต.คลัง คนใหม่ ที่จะมาสานต่อหรือช่วยเข็นนโยบายด้านเศรษฐกิจให้เร็วขึ้น  ขณะที่เรื่องหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์  ที่กลับเข้ารับตำแหน่งใหม่อีกครั้ง เรากำลังดูว่าพรรคเพื่อไทย อาจมีการปรับนโยบาย ซึ่งจะเป็นสัญญาณชี้ทิศทางการเมืองไทยในช่วงต่อไป โดยเรามองบวกมากกว่าลบ อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ ที่ปรับตัวขึ้นไปช่วงต้นสัปดาห์ ก็ไหลกลับลงมาที่เดิมแล้ว หลังไม่มีความชัดเจนว่า “เพื่อไทย” จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่

 

event ของวันนี้ คือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ คาด +8.5 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงาน 8.2%

 

Strategy

วันนี้ ตลาดน่าจะนิ่งขึ้น รอดูข่าวงบประมาณของสหรัฐฯ  และตีโจทย์ในเรื่องทิศทางการเมืองไทย กลยุทธ์วันนี้ เนื่องจากดัชนีฯ ได้กลับมายืนที่จุดของเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว แรงขายน่าจะเบาลง แต่ยังต้องเน้นเล่นสั้นๆ อยู่เช่นเดิม ตลาดจะกลับมาเหวี่ยงตัวมากอีกครั้งในวันจันทร์ วันนี้คงหุ้นเดิมไว้ทั้งหมด พอร์ตหลักมีหุ้น TACC(10%), TVO(10%), HANA*(10%), CBG(10%), COM7(10%), BGC(10%), UTP(10%), JMT*(10%) ส่วนพอร์ต KTBST SET50 Skynet  มี RATCH(20%), BBL(20%), AOT(10%), SCC(10%), LH*(10%)

 

#Strategy top picks

TACC : เป้าเชิงกลยุทธ์ 7.10 บาท)  “ เพิ่มสินค้า และโตไปพร้อม 7-11 ”

- เรามีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นจากยอดขายสินค้าเครื่องดื่มของ TACC จาก 7-11 ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดโดยในช่วง 3Q20 กลับเข้าสู่ระดับปกติก่อน COVID-19 แล้ว, และ Project upsize ของ All cafe มีสาขาร่วมขายเพิ่มขึ้นเป็น 7,800 (จากสาขา 2,000 สาขาใน 2Q20)

- กำไรสุทธิปี 2020E ขึ้น +14% เป็น 201 ล้านบาท (+24% YoY) และปี 2021E ขึ้น +18% เป็น 233 ล้านบาท (+16% YoY) จากการปรับ GPM ขึ้นและเราได้รวมรายได้จากการขยาย 7-11 ไปยังประเทศกัมพูชาและลาวในปี 2021E ที่ 12 ล้านบาท (เปิด 100 สาขา/ประเทศ)

 

Technical :BH, PTG

 

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ส่องแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,240-1,250 จุด โดยกลุ่มพลังงานคาดถ่วงตลาดหลังราคาน้ำมันดิบปรับลงแรงจากความกังวลเรื่องภาวะ Oversupply จาก Demand ที่ยังอ่อนแอตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการผลิตของ OPEC ที่มากขึ้น

 

ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ US$2.2 ล้านล้าน ล่าสุดสภาผู้แทนฯผ่านร่างดังกล่าวแล้วด้วยคะแนน 214-207 อย่างไรก็ตามเนื่องจากทั้ง 2 พรรคยังไม่สามารถตกลงกันได้ในรายละเอียด จึงคาดว่าจะยังไม่ผ่านชั้นวุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก

 

ขณะที่คืนนี้ต้องรอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย. คาดความผันผวนของตลาดยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง จึงยังคงกลยุทธ์เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการจำเป็น เช่น อาหารเครื่องดื่ม โรงไฟฟ้า สื่อสารฯ โรงพยาบาล อสังหาฯ โรงเรียน โดยเฉพาะที่ยังมี PE ต่ำ

 

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวและมี Valuation ถูก//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มแนวรับสำคัญ 1,200+- จุด

 

หุ้นเด่นเดือนต.ค. :ADVANC, GULF, ORI, SAPPE, SYNEX

 

หุ้นเด่นวันนี้:TU

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18 บาท

• เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อกำไร 2H20 ที่จะฟื้นตัวโดย 3Q20 เป็นช่วง High Season ขณะที่ Red Lobster คาดขาดทุนลดลงและมองบวกต่อการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นและผู้บริหารใหม่

• ราคาหุ้นกลับมายืนเหนือแนวต้าน 14 บาทได้อีกครั้ง ทางเทคนิคเป็นสัญญาณเชิงบวก เราคาดกำไรปกติปี 2020-2021 โตเฉลี่ยราว 10% ต่อปี ส่วน Valuation ซื้อขายที่ 2021PER เพียง 11.6 เท่าและคาดให้ Dividend Yield 4.3%

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง