สธ. ยังกังวลเหตุไฟไหม้ถังสารเคมีระยองก่อมลพิษ กระทบสุขภาพปชช.
จากกรณีสถานการณ์เหตุไฟไหม้ถังเก็บแก๊สโซลีน ของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล ที่ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง นายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยองเปิดเผยว่าเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 10.45 น.เมื่อวานนี้ ( 9 พ.ค. 67) ขณะที่พนักงาน 4 คนขึ้นไปตรวจวัดปริมาณสารเคมีบนถังเก็บแต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด โดยเหตุที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน เป็นพนักงาน และบาดเจ็บอีก 5 คน เป็นพนักงาน 3 คน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 2 คน
หลังเกิดเหตุทางบริษัทฯ ได้ใช้ทั้งน้ำและโฟมเข้าดับเพลิง จนสงบลงในเวลาประมาณ 12.00 น. แต่ว่าถังที่ถูกไฟไหม้ยังมีความร้อนอยู่ ทำให้ไฟปะทุขึ้นมาอีกครั้ง จนกระทั่งเวลา 18.00 น.จึงสามารถควบคุมเพลิงให้สงบลงได้ และมีการตรวจอุณหภูมิที่ถังทุกชั่วโมงป้องกันไฟปะทุขึ้นอีก จนล่าสุดถือว่ากลับมาอยู่ระยะที่เกือบปกติแล้ว แต่ก็จะมีการเฝ้าระวังจนกว่าจะมั่นใจได้ว่าปลอดภัย ก็จะดึงสารในถังออกมาให้หมด ส่วนข้อกังวลในเรื่องของน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีจะไหลลงทะเล ยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้เพราะการก่อสร้างถังทั้งหมดมีการสร้างเขื่อนโดยรอบป้องกันอยู่แล้ว ส่วนผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจากเหตุที่เกิดขึ้น ทางบริษัทฯ ยืนยันว่า จะรับผิดชอบทั้งหมด และจะดำเนินการหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง
ส่วนประชาชนในพื้นที่กว่า 400 คนที่ต้องอพยพ ไปอยู่ยังศูนย์อพยพชั่วคราว โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังจากเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้แล้ว ตั้งแต่แต่ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ ผู้ประสบภัยทั้งหมด ได้ทยอยกลับเข้าสู่บ้านพัก โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดรถรับส่งทยอยส่งตามบ้าน ท่ามกลางความดีใจของทุกคน
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า แม้จะสามารถดับเพลิงได้แล้ว แต่สาธารณสุขจังหวัดระยอง ก็ยังมีการเปิดศูนย์ปฎิบัติการ เพื่อติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมได้มีการดำเนินการในเบื้องต้น เรื่องความเสี่ยงต่อสุขภาพ ที่ต้องเฝ้าระวังให้กับผู้นำชุมชนและประชาชน ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง รวมถึงให้โรงพยาบาลในพื้นที่เตรียมความพร้อมรับเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบแล้ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกว่าสารไพโรไลซิส แก๊สโซลีน เป็นสารผสม จึงเกิดพิษต่อระบบหลายระบบ ได้แก่ ระบบหายใจ หัวใจ และระบบประสาทอย่างรุนแรง โดยอาการที่เกิดขึ้น ของผู้ได้รับผลกระทบ คือ ปวดหัว คลื่นไส้ และอาจกดทับประสาทถึงขั้นหมดสติ รวมถึงอาจระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร ทำให้ลำสัก-อาเจียน ระคายเคืองต่อผิวหนังทำให้เกิดการคัน และระคายเคืองต่อจมูก อาจทำให้มีเลือดกำเดาไหล ซึ่งหากประชาชน ที่อยู่บริเวณใกล้สถานที่เกิดเหตุ มีอาการลักษณะนี้ ก็ให้รีบพบแพทย์ทันที
ภาพจาก: ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดระยอง