ทำความเข้าใจกันหน่อย! Home Isolation VS Home Quarantine ต่างกันอย่างไร?
เมื่อรู้ว่าตัวเองติดเชื้อโควิด ต้องทำอย่างไร? ในสภาวะที่โรงพยาบาลสนาม เอกชน ภาครัฐต่างแออัด หนาแน่นไปด้วยประชาชนที่เข้ารับการรักษา ตั้งแต่ขั้นกลุ่มสีแดง (รุนแรง) กลุ่มสีเหลือง และกลุ่มสีเขียว ที่ยังรอคอยเข้ารับการรักษา หลังปัญหาเตียงไม่เพียงพอ แถมจำนวนผู้ติดเชื้อนับวันยิ่งสูงขึ้นอีกด้วย
มาจนถึงวันนี้ที่การรักษาโควิด-19 ไม่ได้มีแค่ที่โรงพยาบาลอีกต่อไป เมื่อเตียงไม่พอ แพทย์ พยาบาล บุคลากรต่างติดเชื้อ แนวทาง Home Isolation และ Home Quarantine จึงถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงนี้ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการรองรับวิกฤตคนป่วยล้นโรงพยาบาล TrueID จะพาทุกคนไปดูว่า Home Isolation และ Home Quarantine มีความแตกต่างอย่างไร? ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?
Home Isolation หรือการกักตัว คือ การให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รักษาตัวที่บ้าน แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ทางการแพทย์ เช่น อายุไม่เกิน 60 ปี มีปัจจัยแวดล้อมในบ้านที่เหมาะสม และมีอาการไม่รุนแรง สำหรับเกณฑ์การพิจารณาผู้ป่วยที่จะทำ Home Isolation ประกอบไปด้วย 7 หลักเกณฑ์ คือ
- เป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ
- มีอายุไม่เกิน 60 ปี
- มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
- อยู่คนเดียว หรือมีผู้อยู่ร่วมที่พักไม่เกิน 1 คน
- ไม่มีภาวะอ้วน
- ไม่มีโรคร่วม เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, โรคไตเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง, เบาหวานที่คุมไม่ได้
- ยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเอง
โดยสถานพยาบาลจะประเมินผู้ติดเชื้อตามดุลยพินิจของแพทย์ ก่อนจะลงทะเบียน ให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวกับผู้ติดเชื้อ มีระบบติดตามอาการ และประเมินอาการ พร้อมทั้งแจกปรอทวัดไข้และเครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือด ซึ่งผู้ป่วยสามารถทำเองได้ที่บ้าน สุดท้ายคือมีระบบรับ-ส่งผู้ป่วยไปสถานพยาบาลหากมีอาการรุนแรงขึ้น
ถ้าพบว่าติดเชื้อแล้วอยาก Home Isolation ติดต่ออย่างไร ง่าย ๆ คือสถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือช่องทางเบอร์โทรศัพท์ 1330
ผู้ป่วยแยกโรคที่บ้านได้ ต้องปฏิบัติตามนี้
ในกรณีที่แพทย์พิจารณาให้ผู้ป่วยแยกโรคที่บ้านได้ สามารถให้ผู้ป่วยดูแลรักษาตัวโดยปฏิบัติดังนี้
- ผู้ป่วยหยุดเรียน หยุดงาน และพักอยู่กับบ้าน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกติไม่มีไข้ ไอ น้ำมูก อย่างน้อย 1 วัน เพื่อลดการแพร่เชื้อ
- เมื่อมีไข้ให้รับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล และยารักษาตามอาการ เช่น ยาละลายเสมหะ ยาลดน้ำมูก ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
- เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำสะอาดอุ่นเล็กน้อยเป็นระยะ โดยการเช็ดแขนขาย้อนเข้าหาลำตัว เน้นการเช็ดตัวลดไข้ บริเวณหน้าผาก ซอกรักแร้ ขาหนีบ ข้อพับแขนขา และใช้ผ้าห่มปิดหน้าอกระหว่างเช็ดแขนขาเพื่อไม่ให้หนาวเย็นจนเกินไป หากผู้ป่วยมีอาการหนาวสั่น ต้องหยุดเช็ดตัวและห่มผ้าให้อบอุ่นทันที
- ดื่มน้ำสะอาดและน้ำผลไม้มาก ๆ งดดื่มน้ำเย็นจัด
- พยายามรับประทานอาหารอ่อน ๆ รสไม่จัด เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ไข่ ผัก และผลไม้ให้พอเพียง
- นอนพักผ่อนมาก ๆ ในห้องที่อากาศไม่เย็นเกินไป และมีอากาศถ่ายเทสะดวก
แนะนำผู้ป่วยว่า หากมีอาการมากขึ้น เช่น ไข้สูง เหนื่อยมากขึ้น แน่นหน้าอก หอบ หายใจไม่สะดวก กินไม่ได้ เพราะโรคนี้อาจมี ให้รีบมาโรงพยาบาลทันที โดยสามารถแจ้งที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
Home Quarantine คืออะไร?
Home Quarantine หรือการกักกัน คือ การให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เป็นผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19 ให้แยกกักกัน (ตัวเอง) อยู่แต่ในบ้าน และแยกจากผู้อื่นในบ้านภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ควบคุมโรค เป็นระยะเวลา 14 วัน โดย สิ่งที่ผู้สัมผัสต้องปฏิบัติ ดังนี้
- ผู้สัมผัสควรหยุดเรียน หยุดงาน และพักอยู่กับบ้านจนกว่าจะครบ 14 วันหลังการสัมผัส
- ผู้สัมผัสควรนอนแยกห้อง ไม่ออกไปนอกบ้าน ไม่เดินทางไปที่ชุมชนหรือที่สาธารณะ
- รับประทานอาหารแยกจากผู้อื่น
- ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ร่วมกับผู้อื่น
- หากมีอาการไอให้ สวมหน้ากากอนามัย หรือปิดปากจมูกตัวยกระดาษทิชชูทุกครั้งที่ไอจาม โดยปิดถึงคาง แล้วทิ้งทิชชูลงในถุงพลาสติกและปิดปากถุงให้สนิทก่อนทิ้ง หรือใช้แขนเสื้อปิดปากจมูกเมื่อไอหรือจาม
- ทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์เจล หรือน้ำและสบู่ทันที
- เมื่ออยู่กับผู้อื่นต้องสวมหน้ากากอนามัย และอยู่ห่างจากคนอื่น ๆ ในบ้านประมาณ 1-2 เมตรหรืออย่างน้อยประมาณหนึ่งช่วงแขน
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดบุคคลอื่นในที่พักอาศัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป้วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ
- ทุกคนในบ้านควรล้างมือบ่อยครั้งที่สุด เพื่อลดการรับและแพร่เชื้อ
- ทำความสะอาดเสื้อผ้า ผ้าปูเตียงผ้าขนหนู ฯลฯ ด้วยสบู่หรือผงซักฟอกธรรมดาและน้ำ หรือซักผ้าตัวยน้ำร้อนที่อุณหภูมิน้ำ 60-90 c
- เฝ้าระวังอาการเจ็บป่วยของผู้สัมผัสใกล้ชิดหรือสมาชิกในบ้าน ภายในระยะเวลา 14 วัน หลังสัมผัสผู้ป่วย โดยวัดไข้และรายงานอาการต่อทีมสอบสวนโรคทุกวัน
ข้อปฏิบัติที่สำคัญอย่างมาก : คือ ต้องสวมหน้ากากอนามัย แยกของใช้ส่วนตัว งดกินอาหารร่วมกัน เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อย ๆ
ข้อเสีย :
1. กรณีอยู่บ้านคนเดียว หากสุขภาพแย่ลง และไม่มีคนดูแล ไม่มีใครทราบ อาจเกิดอันตรายและเสี่ยงเสียชีวิต
2. เป็นผลเสียต่อชุมชน จากการทบทวนในต่างประเทศ ซึ่งตั้งแต่การระบาดรอบแรกมีหลายประเทศใช้วิธีนี้ อย่างอังกฤษ พบว่า ผลการแยกกักตัวที่บ้านไม่ได้ 100% ทำให้มีการแพร่เชื้อไปสู่ครอบครัว หรือออกมาซื้ออาหารก็อาจแพร่เชื้อไปชุมชน
ข้อมูล : กรมอนามัย, รพ.ธนบุรี