"โมเดอร์นา" เข้าพบ "อนุทิน" เจรจาขึ้นทะเบียนขายวัคซีนโควิดให้เอกชน
วันนี้ (3 พ.ค.64) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว ภายหลังการหารือร่วมกับผู้แทนบริษัทนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา โดยบริษัทซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ว่า บริษัทเข้ามาหารือโดยมีวัตถุประสงค์นำวัคซันเข้ามาขึ้นทะเบียนเพื่อขายให้กับโรงพยาบาลเอกชน แต่ยังไม่มีการเจรจาในสัดส่วนของภาครัฐ แต่สิ่งสำคัญคือทางบริษัทจะไม่ขายให้เอกชนโดยตรง ต้องขายผ่านรัฐบาล หรือหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็พร้อมให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้นำเข้าวัคซีน แต่ภาคเอกชนต้องคอนเฟิร์มยอดการซื้อมาให้ อภ. เพราะ อภ.ไม่สามารถซื้อมาสต็อกเพื่อรอให้เอกชนมาซื้อต่อได้อีกทอดหนึ่งได้ และทางโรงพยาบาลเอกชนจะต้องรับผิดชอบและมีมาตรการในการดูแลหากเกิดผลข้างเคียงและอาการไม่พึงประสงค์
สำหรับกรณีฉีดวัคซีนให้กับประชากรในประเทศไทยไม่มีการบังคับ หากประสงค์รับวัคซีนที่รัฐจัดให้จะได้รับวัคซีนชนิดใดก็อยู่กับจังหวะและวัตถุประสงค์ที่ขำเข้ามา เช่น ไฟเซอร์ เจรจานำเข้าเพราะครอบคลุมไปถึงเด็กอายุ 12-18 ปี ดังนั้นเด็กอายุ 12-18 ปี ก็ต้องได้รับการพิจารณาก่อน หากของไฟเซอร์มีมากพอก็พิจารณาให้กับกลุ่มอื่นได้ส่วนซิโนแวคก็มีคุณสมบัติในเรื่องระยะห่างระหว่างเข็ม 1-2 ได้เร็ว ดังนั้นบุคลากรการแพทย์ คนทำงานหน้าด่านที่อายุต่ำกว่า 60 ปี ก็ได้รับวัคซีนนี้ก่อน ส่วนแอสตราเซเนกาก็สามารถรับได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี ไปจนถึงสูงอายุ
เมื่อถามว่าประชาชนมองว่าทำไมไม่ให้สิทธิประชาชนเลือกชนิดวัคซีนเอง นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้สั่งวัคซีนทุกชนิดเท่ากันหมด อันนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ตอนไม่มีก็ถามว่าทำไมไม่มีวัคซีน พอมีแล้วทำไมถึงไม่มียี่ห้อนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีความต้องการที่หลากหลายรัฐก็ต้องเป็นผู้กำหนด เมื่อถามย้ำว่าขณะนี้มีกลุ่มบุคลากรการแพทย์ เรียกร้องอยากฉีดของแอสตราฯ เพราะมั่นใจชนิดนี้มากกว่า นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้บุคลากรฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 90% ส่วนใหญ่ฉีดซิโนแวค
ด้าน นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย. กล่าวว่า ตอนนี้บริษัทวัคซีนโมเดอร์นา โดยบริษัทซิลลิค ได้ยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนเข้ามาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ครบ100% คาดว่าจะพิจารณาขึ้นทะเบียนได้ในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ยังมีบริษัท บารัต ไบโอเทค เทคโนโลยี และ สปุตนิก วี โดยบริษัทคินเจน ไบโอเทค จำกัด ที่ยื่นเอกสารเข้ามา แต่ยังส่งมาไม่ครบ ทั้งนี้การที่อย.ต้องพิจารณาเรื่องการนำเข้าวัคซีน แม้ว่าวัคซีนตัวนั้นๆ จะมีการขึ้นทะเบียนในต่างประเทศแล้วก็เพื่อเป็นการคุ้มครองประชาชน