รีเซต

ตลาด นทท.จีนพลาดเป้า ททท.ลุ้นปี 67 กลับมาพุ่ง 8.2 ล้านคน

ตลาด นทท.จีนพลาดเป้า  ททท.ลุ้นปี 67 กลับมาพุ่ง 8.2 ล้านคน
TNN ช่อง16
25 พฤศจิกายน 2566 ( 10:51 )
57

ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ต้องยอมรับรัฐบาลภายใต้การนำทัพของ นายเศรษฐา  ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้ทุ่มสรรพกำลัง เร่งเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็น 1 ในเครื่องยนต์หลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่ดูเหมือนว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายอย่างตลาดจีน ยังไม่เข้าเป้าเท่าที่ควร  



นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติขณะนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกตลาด โดยเฉพาะนักท่อวเที่ยวมาเลเซีย ที่มีจำนวนสูงสุดเป็นอันดับ 1 กว่า 4 ล้านคน  ส่วนนักท่องเที่ยวจีนแม้จะอยู่ในอันดับ 2 แต่ก็ถือว่าพลาดจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่ ตลาดเกาหลีใต้ มีสัญญาณดี เพราะเติบโตในเชิงจำนวน ตามมาเป็นอันดับ 3 กว่า 1.5 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขปี 2562 



สำหรับนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยสะสม นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-20 พฤศจิกายน 2566 รวมอยู่ที่ 2,979,557 คน เป็นรองจากมาเลเซียเท่านั้น โดยทั้งปี 2566 ตั้งเป้าหมายตลาดจีนเที่ยวไทยรวมทั้งสิ้น 4.04-4.4 ล้านคน และตั้งเป้าหมายด้านรายได้อยู่ที่ 226,240-246,400 ล้านบาท แต่คาดว่า ทั้งปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจากจีนอยู่ที่ 3.4-3.5 ล้านคน โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อทริปอยู่ที่ 56,000 บาท สร้างรายได้ประมาณ 190,400-196,000 ล้านบาท 



จากสถิตินักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยที่พลาดเป้าดังกล่าว ทำให้ ททท.ต้องกำหนดทิศทางการดำเนินงานเพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ภายใต้กลยุทธ์ 2Q และ 4 New โดย 2Q ประกอบด้วย Quick Win ฟื้นคืนฐานตลาดกลุ่มกระแสหลักโดยกระต้นกลุ่มเดินทางซ้ำ ขยายฐานกลุ่มเดินทางครั้งแรก และส่งเสริมการเดินทางในช่วงโลว์ซีซั่น และ Quality เพิ่มจำนวนและกระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มความสนใจพิเศษ อาทิ Health & Wellness, Wedding & Honeymoon, Sport Tourism, Luxury, Sub-Culture เป็นต้น



ส่วน 4 New ประกอบด้วย  New Segment การขยายสู่นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ New Area การขยายตลาดสู่ตลาดพื้นที่ใหม่  New Alliance (Airline) เพิ่มพันธมิตรสายการบิน และ New Mode ขยายการเข้าถึงประเทศไทยด้วยวิธีการใหม่ เช่น ทางบก รถไฟฟ้าความเร็วสูง ฯลฯ



ไม่เพียงเท่านี้ ททท.ยังได้กำหนดแผนระยะเร่งด่วน โดยเตรียมดำเนินการจัดกิจกรรม Media and Agent Fam Trip นำสื่อและบริษัทนำเที่ยวจากทั้งเมืองหลักและเมืองรองของจีนเข้ามาสัมผัสบรรยากาศการท่องเที่ยว รวมถึงการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว หลังจากไทยกำหนดมาตรการยกเว้นวีซ่า และมาตรฐานความปลอดภัยในการท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมทั้งสร้างโอกาสให้บริษัทนำเที่ยวของจีนมาพบปะคู่ค้าและบริษัทนำเที่ยวฝั่งไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นใจและกระตุ้นการขาย โดยมีแผนจัดในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2566 นี้ 



นายฉัททันต์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-23 พฤศจิกายน 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยรวม 3,013,190 คน คิดเป็นสัดส่วน 12.62% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยทั้งหมด 23.88 ล้านคน  จากข้อมูลข้างต้น  ททท.คาดการณ์ว่า ทั้งปี 2566 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีน ราว 3.4-3.5 ล้านคน สร้างรายได้ราว 190,400-196,000 ล้านบาท จาก



เป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะมีจำนวน 4.04-4.4 ล้านคน แต่จากแผนการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่า ในปี 2567 ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนรวม 8.2 ล้านคน สร้างรายได้รวมประมาณ 451,800 ล้านบาท ส่วนปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนพลาดเป้า คาดว่า เป็นผลมาจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง ทำให้ชาวจีนระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย สำรองเงินเก็บ อีกทั้งยังมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศของรัฐบาลจีน รวมถึงปัจจัยด้านความปลอดภัย ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวจีนโดยตรง ทำให้ ททท. ต้องเร่งให้ข้อมูลด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีนกลับมา



ย้อนไปดูข้อมูลเมื่อปี 2562 มีนักท่องเที่ยวจีนออกเดินทางกว่า 155 ล้านคน ใน 3 ประเทศหลัก นั่นคือ ไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ส่วนปี 2566 ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศลดลงเหลือเพียง 40.3 ล้านคน ซึ่งไทยยังคงเป็นประเทศปลายทางอันดับ 1 รองลงมาเป็นญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดยพบว่า ช่วงวันหยุดยาวพิเศษ (โกลเด้นวีค) ของจีนระหว่างวันที่ 28 กันยายน-7 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทย รวม 135,954 คน 

หากเปรียบเทียบกับปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนมีวันพักเฉลี่ย 7.88 คืน เพิ่มขึ้น 1.6 คืน และมีค่าใช้จ่ายที่อยู่ประมาณ 11,000 บาท ต่อคนต่อวัน ส่วนในปี 2566 มีจำนวน 20,000 บาทต่อคนต่อวัน เพิ่มขึ้นมา 9,000 บาท เมื่อเทียบกับปี 2562 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 80% โดยวันพำนักที่เพิ่มขึ้นแม้มองว่าเป็น 1 วันกว่าๆ แต่ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงมาก เนื่องจากจะเกิดการใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งในแง่การจองโรงแรมที่พัก อาหารการกิน หรือบริการต่างๆ 



แน่นอนว่า การมีมาตรการวีซ่าฟรีให้กับตลาดจีนตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ไปจนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 แม้จะถูกมองว่า เป็นตัวช่วยสำคัญ แต่การปรับเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนจะปรับขึ้นแบบเป็นขั้นบันได ไม่ได้เป็นการปรับขึ้นแบบพุ่งสูง ซึ่งหากไม่มี “วีซ่าฟรี” เข้ามาช่วย ...เราจะมีโอกาสได้เห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ เข้ามาเช่นนี้หรือไม่...?











เรียบเรียงโดย    ปุลญดา  บัวคณิศร  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง