สกัดเมาแล้วขับ! ไฟเขียวเพิ่มวิธีวัดแอลกอฮอล์ ‘ตรวจของเสียในร่างกาย’
![สกัดเมาแล้วขับ! ไฟเขียวเพิ่มวิธีวัดแอลกอฮอล์ ‘ตรวจของเสียในร่างกาย’](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2021/03/24/c98687d0-8c88-11eb-b0ce-056bea7b0664_original.png)
![สกัดเมาแล้วขับ! ไฟเขียวเพิ่มวิธีวัดแอลกอฮอล์ ‘ตรวจของเสียในร่างกาย’](https://cms.dmpcdn.com/news/2024/01/30/43156de0-bf54-11ee-bb7b-753a1ee575ab_original.jpg)
วันนี้ (30 ม.ค. 67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกฎกระทรวงออกตามความใน พ.ร.บ.จราจร ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ เพื่อกำหนดแนวทางในการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะใหม่ เพื่อแก้ปัญหาการเกิดอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับ เนื่องจากที่ผ่านมาการตรวจวัดต้องให้ผู้ขับขี่เป่า หากเจ้าหน้าที่จะขอตรวจเลือดต้องได้รับความยินยอมก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถดำเนินการได้
ร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวกำหนดวิธีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ใหม่ ได้แก่
1.ตรวจวัดจากลมหายใจโดยใช้เครื่องเป่าแบบเดิม
2.ตรวจเลือดโดยได้รับความยินยอม
เพิ่มช่องทางใหม่คือ 3.ตรวจวัดของเสียในร่างกาย เช่น ปัสสาวะ ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถดำเนินการได้
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วมีพฤติการณ์ที่เชื่อว่าผู้ขับขี่ฝ่าฝืนดื่มแอลกอฮอล์แล้วแต่ไม่ยินยอมให้ตรวจ ให้ถือว่าเข้าข้อสันนิษฐานที่พนักงานสอบสวนต้องดำเนินคดี หรือกรณีที่จับกุมผู้ขับขี่ได้แล้วให้พนักงานสอบสวนส่งไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายที่โรงพยาบาลภายใน 3 ชั่วโมง โดยกำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์เท่าเดิม
ภาพจาก: AFP