'หมอธีระ' ย้ำจุดยืน ไม่เห็นด้วยฉีดวัคซีนสลับ จี้รัฐจัดหาวัคซีนประสิทธิภาพสูง
'หมอธีระ' ย้ำจุดยืน ไม่เห็นด้วยฉีดวัคซีนสลับ จี้รัฐบาลเร่งจัดหา-นำเข้า วัคซีนประสิทธิภาพสูง มาให้ประชาชนทุกคนตามมาตรฐานสากล
เมื่อวันที่ 17 ก.ค.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นกรณีการบริหารจัดการวิกฤตโควิด และการบริหารจัดการวัคซีน ระบุว่า “ยืนยันว่าหากผมออกแบบนโยบายด้วยตัวเลือกที่มีในประเทศตอนนี้ จะใช้ Sinopharm สำหรับอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และ Astrazeneca สำหรับอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ไม่เล่นแร่แปรธาตุ พอวัคซีนบริจาคมาถึง Pfizer จะนำไปใช้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ฉีดให้ครบ 2 เข็ม และหากมีเหลือเพียงพอ ก็กระจายให้กลุ่มเสี่ยงต่างๆ ตามลำดับ”
“มุ่งทุกทางเพื่อนำเข้า mRNA vaccines (Pfizer/Biontech, Moderna) เป็นวัคซีนหลักของประเทศ และ Protein subunit vaccine (Novavax), Ad26 vector vaccine (Johnson&Johnson) และ Sinopharm เพื่อนำมาใช้เป็นทางเลือกเสริมสำหรับช่วงอายุต่างๆ และสำหรับคนมีข้อจำกัดที่จะรับ mRNA vaccines ส่วน Astrazeneca นั้นใช้เสริมเป็นทางเลือกเฉพาะกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป นี่คือนโยบายวัคซีนของประเทศที่เหมาะสม”
ก่อนหน้านี้ รศ.นพ.ธีระ แสดงความเห็นเรื่องวัคซีน ไขว้ชนิด ระบุว่า
…ไขว้…
1.ระดับภูมิขึ้น จะขึ้นได้นานเพียงใด?
2.ยังไม่เห็นข้อมูลว่าจะมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อได้หรือไม่? มากน้อยเพียงใด? และจะป้องกันได้นานเพียงใด?
3.คำถามเรื่องประสิทธิผลในการป้องกันการป่วย ลดความรุนแรง และลดอัตราตาย เฉกเช่นเดียวกับข้อ 2
4.ผลไม่พึงประสงค์ทั้งแบบทั่วไป และแบบรุนแรง จะมีมากน้อยเพียงใด?
การนำวิธีที่ยังมีความไม่กระจ่างทางวิชาการหลายด้านหลายประเด็นไปใช้ในคนหมู่มากในสังคมผ่านกระบวนการนโยบายนั้นถือว่าเป็นความเสี่ยงต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตได้
“ขอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว และเรียกร้องให้รัฐนำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมาให้ประชาชนทุกคนตามมาตรฐานสากล” ในระหว่างที่รอการนำเข้าวัคซีนต่างๆ จำเป็นต้องให้มีการฉีดมาตรฐานสากลให้แก่ประชาชนในสังคม สิ่งที่ทำได้คือ
1.Sinopharm 2 เข็มสำหรับคนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
2.Astrazeneca 2เข็มสำหรับคนอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
3.วัคซีน Pfizer ที่ได้รับบริจาคมา 1.5 ล้านโดส ควรนำไปฉีดให้บุคลากรด่านหน้า เหมือนเป็นการฉีดใหม่ ให้ครบตามข้อบ่งชี้ในการใช้ของวัคซีนที่ขึ้นทะเบียน และให้สำหรับกลุ่มเสี่ยงต่างๆ
4.ยกเลิกการจัดซื้อจัดหาวัคซีนเดิมที่มีปัญหา