รีเซต

BEMติดลมวิ่งล้านคัน ธันวายังพุ่งทุกเส้นทาง

BEMติดลมวิ่งล้านคัน ธันวายังพุ่งทุกเส้นทาง
ทันหุ้น
12 ธันวาคม 2564 ( 23:16 )
71
BEMติดลมวิ่งล้านคัน ธันวายังพุ่งทุกเส้นทาง

ทันหุ้น - BEM รับทางด่วนฮอตแตะล้านคันพ.ย.ตามนัด ขณะที่ ธ.ค. วันทำการยังพุ่งทุกเส้นทางสวนโอไมครอน ขณะที่รถไฟฟ้าแตะ 2 แสนรายแล้ว คาดเข้าสู่ปกติกลางปี 2565 ชูปีหน้าผลงานโดด ทุกอย่างสู่ปกติ กระแสอีวีช่วยหนุน โบรกชี้อนาคตสดใสโตโดด ได้ทั้งปริมาณ และการครับขึ้นค่าทางด่วน วางเป้า 11.62 บาท

 

นางสาวปาหนัน  โตสุวรรณถาวร  รองกรรมการผู้จัดการการเงิน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณจราจรบนทางด่วนกลับมาฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยในเดือนพฤศจิกายนมีปริมาณการใช้ทางด่วนเฉลี่ยแตะ 1 ล้านคันต่อวันแล้ว จากช่วงเดือนตุลาคมที่มีปริมาณจราจรเฉลี่ยอยู่ที่ 8.98 แสนคัน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดโรงเรียน ประกอบกับสถานการณ์โควิดคลี่คลาย

 

ส่วนปริมาณจราจรบนทางด่วนในช่วงของเดือนธันวาคมนั้น หากประเมินจากช่วงวันธรรมดาจะพบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าเดือนพฤศจิกายน โดยสามารถขึ้นมาแตะได้ 1.1 ล้านคัน ซึ่งแทบจะเป็นปกติแล้ว แต่ส่วนปริมาณจราจรเฉลี่ย เดือนธันวาคมต้องติดตาม เนื่องจากปกติจะลดลงจากพฤศจิกายนเพราะมีวันหยุดเยอะ

 

"แนวโน้มดี เราประเมินว่าจะเกินล้านคัน พฤศจิกายนก็เกินแล้ว ส่วนธันวาคมตอนนี้วันทำการสูงกว่าเดือนพฤศจิกายนด้วย แต่ก็จะโดนฉุดจากวันหยุด ซึ่งปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มขึ้นจากทางด่วนทั้ง 3 เส้นทาง"

 

@รถไฟฟ้าขึ้น 3-4 แสนรายกลางปี

สำหรับสถานการณ์ความกังวลด้านไวรัสโควิดโอไมครอนที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชน ซึ่งจากโควิดโอไมครอนไม่มีความรุนแรง และมีแนวโน้มอ่อนกำลังเป็นโรคประจำถิ่น ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ในการออกมาใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งการขับรถก็จะสร้างความสะดวกสบายในการเดินทางมาเจอกันมากขึ้น

 

ด้านปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้ามีแนวโน้มที่ดีด้วยเช่นกัน แม้จะยังไม่ได้กลับมาเร็วเหมือนทางด่วน โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายนมีปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันที่ 1.87 แสนราย จากเดือนตุลาคมที่มีผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันที่ 1.36 แสนรายต่อวันแล้ว ซึ่งในส่วนของวันทำงานได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยแตะ 2.05 แสนรายต่อวันแล้ว โดยเชื่อว่ากลางปีหน้าจะมีปริมาณจราจรกลับไปสู่ปกติที่ 3-4 แสนรายต่อวัน

 

@ขึ้นค่าทางด่วนตามสัญญา

นางสาวปาหนัน  กล่าวด้วยว่า ปีหน้าจะเป็นปีที่ BEM มีผลงานกลับมาฟื้นตัวมากจากฐานต่ำมาสู่ปกติ จากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย ทำให้มีแนวโน้มการเดินทางมากขึ้น ขณะเดียวกันในส่วนการขึ้นค่าทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมนี้ โดยรถที่มีล้อไม่เกิน 4 ล้อ เป็น 65 บาท รถที่มีล้อเกิน 4 ล้อ แต่ไม่เกิน 10 ล้อ เป็น 105 บาท รถที่มีล้อเกิน 10 ล้อขึ้นไป เป็น 150 บาท นั้นก็จะช่วยด้วย ซึ่งในการขึ้นค่าทางด่วนนั้นเป็นไปตามสัญญา และทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องในการทำตามสัญญา ซึ่งเป็นเรื่องดี

 

อย่างไรก็ดีในส่วนของภาครัฐเองก็ได้ขอความร่วมมือในการลดภาระประชาชน ด้วยการให้ BEM จำหน่ายคูปองราคาพิเศษ "ทางด่วนศรีรัช วงแหวนรอบนอก" ในราคาเดิม ซึ่งสามารถใช้ได้เป็นระยะเวลา 1 ปี

 

ส่วนการที่ภาครัฐและทุกฝ่ายให้การสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี นับเป็นเรื่องดีที่จะสนับสนุนปริมาณการจราจรบนทางด่วน และด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่ของรถอีวี อาจจะทำให้พื้นที่การใช้งานทางด่วนเพิ่มขึ้นได้

 

@ กำไรแรงเป้า 11.62 บาท

ด้านนายจรูญพันธ์  วัฒนวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปริมาณการจราจรทางด่วนที่ฟื้นตัวเกิน 1 ล้านคัน เป็นไปตามสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย โรงเรียนเปิด และการใช้สนามบินสุวรรณภูมิที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทางด่วนเซ็กเตอร์ D ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งทางด่วนดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 15% ขณะที่ความกังวลโอไมครอนที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นฐาน

 

แนวโน้มผลงานจะปรับตัวดีขึ้นในปีหน้า จากปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้น และยังจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มค่าผ่านทางด่วน ศรีรัช-วงแหวนรอบนอกด้วย แม้ว่าทาง BEM จะมีการขายคูปองเพื่อช่วยเหลือในราคาเดิม แต่เชื่อว่าจะมีผลกระทบเพียง 2-3% เพราะทางด่วนดังกล่าว มีสัดส่วนรายได้ไม่ถึง 10% โดยมองว่าคูปองการใช้ทางด่วนจะทำให้มีการฟลีตรถเข้าไปสู่ทางด่วนในเส้นทางอื่นๆ ด้วย

 

ประเมินในปี 2565จะเห็นการฟื้นตัวของกำไร +160.2% เป็น 2.6 พันล้านบาท และจะไปทำสถิติใหม่ในปี 2566 ที่ 3.4 พันล้านบาท เติบโต 29.6% คงคำแนะนำ “ซื้อ” BEM ที่ราคาเหมาะสม 11.62 บาทต่อหุ้น

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง