“โดรน-แท็กซี่บินได้” ความหวังจีนติดปีกเศรษฐกิจ

ปัจจุบัน จีนกำลังเร่งผลักดันเศรษฐกิจการบินระดับต่ำ ซึ่งครอบคลุมการบินในระดับต่ำกว่า 3,000 เมตร ทั้งโดรนขนส่งสินค้า อากาศยานไฟฟ้าขึ้น-ลงทางดิ่งสำหรับผู้โดยสาร (electric Vertical Take-Off and Landing-eVTOL) และโครงสร้างพื้นฐานการบินอัจฉริยะ ในฐานะอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ที่เตรียมจะบรรจุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี ฉบับที่ 15 ระหว่างปี 2569-2573 ควบคู่ไปกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคอมพิวเตอร์ควอนตัม
การให้ความสำคัญกับการบินในระดับต่ำของจีนเกิดขึ้นในยุคที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงระบบโลจิสติกส์ไปอย่างรวดเร็ว และประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์กลายเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน กำลังมีบทบาทสำคัญในการพลิกโฉมวงการขนส่ง และเติบโตรวดเร็วที่สุด เมื่อเทียบกับการขนส่งในช่องทางอื่น ๆ ทั้งเครื่องบิน รถไฟ และรถบรรทุก เพราะการใช้โดรนเหมาะสำหรับสินค้ามูลค่าสูงและต้องการความเร่งด่วน รวมถึงใช้ในเส้นทางที่เข้าถึงยาก ภูมิประเทศที่อันตราย พื้นที่ภูเขาหรือเกาะที่ห่างไกล
ระบบโลจิสติกส์การบินระดับต่ำกำลังช่วยเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้าแบบด่วน รวมถึงการขนส่งสินค้าเกษตร เวชภัณฑ์ และใช้งานในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ข้อมูลจากสมาพันธ์โลจิสติกส์และการจัดซื้อของจีน ระบุว่า ในปี 2567 มีการเปิดเส้นทางโลจิสติกส์การบินระดับต่ำแห่งใหม่ ๆ มากกว่า 140 เส้นทาง โดยเส้นทางในเขตเมืองคิดเป็นร้อยละ 90 ของเส้นทางทั้งหมด นอกจากนี้ รายงานการพัฒนาโลจิสติกส์การบินระดับต่ำของจีนของสถาบัน Linksum Institute of Digital Industry ที่เผยแพร่เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ประเมินว่า มูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์การบินระดับต่ำเพิ่มขึ้นจาก 2.718 หมื่นล้านหยวน หรือ 3.79 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2563 อยู่ที่ 5.818 หมื่นล้านหยวน หรือ 8.2 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2566 พร้อมกับคาดการณ์ว่าในปี 2568 มูลค่าน่าจะแตะที่ 1.2-1.5 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1.69-2.11 หมื่นล้านดอลลาร์
กระแสบูมยังสะท้อนผ่านบริษัทขนส่งด่วนชั้นนำหลายแห่งที่พากันใช้โดรนสำหรับขนส่งสินค้าในหลากหลายเส้นทาง อาทิ “ZTO เอ็กซ์เพรส” ที่เปิดตัวศูนย์ปฏิบัติการภาคพื้นดินและเดินอากาศในเขตซุ่นเต๋อของมณฑลกวางตุ้ง ศูนย์แห่งนี้จะรับหน้าที่ประกอบอุปกรณ์ขนส่งไร้คนขับและตารางการขนส่งทางอากาศ พร้อมเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์การบินระดับต่ำสำหรับภาคใต้ของจีน ส่วน “หยุนต้า เอ็กซ์เพรส” เป็นอีกบริษัทที่คืบหน้าด้านการบินระดับต่ำสำหรับการขนส่ง โดยมีการบินโดรน 5 เส้นทางในมณฑลเจ้อเจียง สำหรับจัดส่งเวชภัณฑ์ รวมถึงผลไม้และอาหารทะเล
จีนกำลังขยับสู่ความเป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมการบินระดับต่ำ โดยครองส่วนแบ่งการยื่นขอจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับโดรนร้อยละ 70 ของทั้งโลก ประกอบกับในช่วงปลายปี 2567 รัฐบาลจีนได้จัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นเพื่อกำกับดูแลเศรษฐกิจการบินระดับต่ำโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นการให้น้ำหนักกับอุตสาหกรรมนี้อย่างมาก
แม้ว่าโดรนส่งสินค้าและแท็กซี่บินได้ยังเป็นแค่แนวคิดในหลายพื้นที่ของโลก แต่ในบางประเทศเริ่มมีการใช้งานจริงแล้ว อย่างในสหรัฐฯ “วอลมาร์ต” ได้บุกเบิกการส่งสินค้าด้วยโดรนไปแล้วกว่า 150,000 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2564 ขณะที่ในจีนเทคโนโลยีเหล่านี้กลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันมากขึ้น และกำลังเดินตามรอยการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จีนอยู่แถวหน้าของโลก
เศรษฐกิจการบินระดับต่ำยังมีขนาดเล็กในขณะนี้ แต่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากสำนักงานการบินพลเรือนจีน คาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปีนี้ มูลค่าเศรษฐกิจการบินระดับต่ำโดยรวม ซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะการผลิตอากาศยาน ระบบโลจิสติกส์ การเกษตร บริการฉุกเฉิน การท่องเที่ยว น่าจะอยู่ที่ 1.5 ล้านล้านหยวน หรือ 2.08 แสนล้านดอลลาร์ และมีแนวโน้มจะแตะ 3.5 ล้านล้านหยวน ภายในปี 2578
เฉพาะซูเปอร์แอปฯ “เหม่ยถวน” (Meituan) เพียงแห่งเดียวก็จัดส่งอาหารมากกว่า 200,000 ครั้ง ในปีที่แล้ว คิดเป็นเกือบ 2 เท่าของจำนวนครั้งเดลิเวอรีในปีก่อนหน้า ส่วนราคาหุ้นของ “อีฮัง” (EHang) หนึ่งในผู้ผลิตอากาศยานไร้คนขับของจีนปรับขึ้นร้อยละ 50 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และในงาน AERO Asia ครั้งที่ 2 ที่ศูนย์แสดงการบินนานาชาติจูไห่ในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเพิ่งปิดฉากลงเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน มีการลงนามสัญญามูลค่ากว่า 7 พันล้านหยวน หรือราว 989.32 ล้านดอลลาร์ และบริษัทจีนจำหน่ายอากาศยานหลากหลายประเภทได้ถึง 837 ลำ
กลุ่มพันธมิตรเศรษฐกิจการบินระดับต่ำของจีน (China Low-Altitude Economic Alliance) ประเมินเมื่อกลางปีนี้ว่า ภายในปี 2573 จีนจะมีบริษัทอากาศยานโดยสารระบบไฟฟ้าขึ้น-ลงทางดิ่ง อย่างน้อย 100 แห่ง ด้านสำนักงานการบินพลเรือนจีน ระบุว่า นับถึงสิ้นปี 2567 มีโดรนพลเรือนประมาณ 2.2 ล้านลำ ปฏิบัติการอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 455 ในระยะเวลา 5 ปี และมีรายงานว่าในปีที่แล้วมีการใช้โดรนจัดส่งพัสดุประมาณ 2.7 ล้านชิ้นในจีน ซึ่งไม่รวมการจัดส่งอาหาร
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่า เศรษฐกิจการบินระดับต่ำของจีนไม่สามารถพึ่งพาการผลิตเพียงอย่างเดียวได้ แต่จำเป็นต้องมีความก้าวหน้าที่ไปในทิศทางเดียวกันทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรม ตั้งแต่เรื่องมาตรฐาน การฝึกอบรมบุคลากร โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการบูรณาการระดับภูมิภาค
แม้ว่าจะมีการออกใบอนุญาตใช้งานโดรนมากกว่า 200,000 ใบในจีน แต่ส่วนใหญ่ยังครอบคลุมการใช้งานขั้นพื้นฐาน และขาดประสบการณ์การทำงานจริงในสถานการณ์ที่ซับซ้อน เช่น การตรวจสอบพลังงานและการช่วยเหลือฉุกเฉิน ขณะที่บุคลากรยังไม่เพียงพอรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม
ผู้ควบคุมโดรน หรือที่มักเรียกกันว่า “นักบินโดรน” กลายเป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงในจีน โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุ 30 ปีขึ้นไป เนื่องจากเศรษฐกิจการบินระดับต่ำของจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีการประยุกต์ใช้งานจริงเพิ่มขึ้นมหาศาล ไม่ว่าจะจัดส่งพัสดุ อาหาร แท็กซี่บินได้ ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นและสถาบันฝึกอบรมในพื้นที่ต่าง ๆ ของจีนเปิดตัวโครงการฝึกอบรมนักบินโดรนอย่างต่อเนื่อง
อาชีพนักบินโดรนมีข้อกำหนดด้านการศึกษาไม่สูง แต่หากมีความสามารถจะได้รับค่าตอบแทนจำนวนมาก โดยนักบินโดรนที่ได้รับใบอนุญาตและมีประสบการณ์การทำงานในระดับหนึ่งสามารถมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนระหว่าง 8,000-14,000 หยวน ยกตัวอย่างค่าตอบแทนนักบินโดรนในเมืองอู่ฮั่นอยู่ระหว่าง 4,000-20,000 หยวนต่อเดือน ส่วนในมณฑลหูเป่ยรายได้เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่กว่า 100,000 หยวน อย่างไรก็ตาม นักบินโดรนต้องเข้าใจการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วย เช่น การป้องกันพืชผลทางการเกษตร การตรวจสอบพลังงาน การถ่ายภาพทางอากาศ และการทำแผนที่ ซึ่งผู้ที่มีความสามารถในการทำงานที่ใช้ทักษะสูงจะได้รับเงินเดือนสูงกว่า
ถึงแม้จีนจะพัฒนาอุตสาหกรรมการบินระดับต่ำอย่างรวดเร็ว แต่ผู้เชี่ยวชาญต่างยอมรับว่าอุตสาหกรรมนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญหลายเรื่อง โดยเฉพาะ “ต้นทุน” ที่เป็นอุปสรรคหลักในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการจัดหาโดรนประสิทธิภาพสูงก็มีค่าใช้จ่ายมาก เช่นเดียวกับการจัดตั้งสถานีภาคพื้นดิน ศูนย์ชาร์จ และทีมซ่อมบำรุงมืออาชีพ ก็ยิ่งทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นอีก แต่ก็ประหยัดกว่าการขนส่งทางถนนแบบเดิม
ต่อมา คือ ข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพของโดรนที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานในวงกว้าง เนื่องจากโดรนโลจิสติกส์มักประสบปัญหาเรื่องน้ำหนักบรรทุกที่ต่ำ ความทนทานในการบินที่จำกัด และไม่สามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทายอย่างกระแสลมแรงหรืออุณหภูมิต่ำ โดรนที่มีความจุ 5 กิโลกรัม มักจะมีพิสัยการบินเพียง 20-30 กิโลเมตร ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการขนส่งข้ามภูมิภาค
ความท้าทายอีกเรื่อง คือ กฎระเบียบที่ไม่ครอบคลุม การบินโดรนข้ามภูมิภาคจำเป็นต้องประสานงานกับหน่วยงานควบคุมการจราจรทางอากาศหลายระดับ กระบวนการอนุมัติเส้นทางบินที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน รวมถึงขั้นตอนที่ยุ่งยากในการขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่งผลต่อการกำหนดตารางเวลาที่ยืดหยุ่นและการใช้งานของโดรนขนาดใหญ่
ขณะที่ความมั่นใจด้านความปลอดภัยมีความสำคัญมากต่อการพัฒนาโลจิสติกส์การบินระดับต่ำ ดังนั้น จึงควรมีระบบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยอย่างรอบคอบ รวมทั้งให้ความสำคัญกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยี การยกระดับผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และมีมาตรการป้องกันอันตราย อาทิ ร่มชูชีพสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ฟังก์ชันค้นหาจุดลงจอดสำรองอัตโนมัติ
นอกเหนือจากจีนแล้ว “เวียดนาม” เป็นอีกประเทศที่กำลังเร่งพัฒนาเศรษฐกิจการบินระดับต่ำผ่านเทคโนโลยีอวกาศและโดรน ซึ่งไม่เพียงครอบคลุมการผลิต แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์ ชิป เซ็นเซอร์ แพลตฟอร์มการจัดการจราจรทางอากาศ การทำแผนที่ 3 มิติ การให้บริการ ประกันภัย การฝึกอบรม และการประยุกต์ใช้ในภาคเกษตรกรรมและสาขาอื่น ๆ การลงทุนในเศรษฐกิจการบินระดับต่ำถือเป็นการลงทุนในเสาหลักด้านการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ของเวียดนาม
FPT กรุ๊ป บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของเวียดนาม ประเมินว่า เศรษฐกิจการบินระดับต่ำของเวียดนามอาจสร้างรายได้ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และสร้างงานได้ถึง 1 ล้านตำแหน่ง ภายในปี 2578 ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจการบินระดับต่ำไม่เพียงแค่สร้างอุตสาหกรรมใหม่ ๆ แต่ยังช่วยสนับสนุนการเติบโตของภาคเกษตรกรรม ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 12-14 ของ GDP ประเทศ และจ้างงานมากถึงร้อยละ 40 ของแรงงานทั้งหมด
ขณะที่ประเทศอาเซียนอื่น ๆ สามารถใช้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจการบินระดับต่ำได้เช่นกัน เพราะภูมิภาคนี้เผชิญกับความท้าทายด้านการขนส่งในพื้นที่ห่างไกลและชนบท ไปจนถึงการขนส่งทางการแพทย์ที่ต้องใช้เวลาอย่างเร่งด่วนในเขตเมืองที่ประชากรหนาแน่น การประยุกต์ใช้งานที่หลากหลายจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจมากขึ้น