รีเซต

รถยนต์ไฟฟ้า Tesla เปิดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติพุ่งชนเครื่องบินมูลค่า 3.5 ล้านดอลลาร์

รถยนต์ไฟฟ้า Tesla เปิดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติพุ่งชนเครื่องบินมูลค่า 3.5 ล้านดอลลาร์
TNN ช่อง16
24 เมษายน 2565 ( 17:20 )
141
รถยนต์ไฟฟ้า Tesla เปิดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติพุ่งชนเครื่องบินมูลค่า 3.5 ล้านดอลลาร์

เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ไฟฟ้า Tesla พุ่งชนเครื่องบินส่วนตัวในสนามบินประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla Model Y ในสนามบินเปิดฟีเจอร์เรียกรถยนต์อัตโนมัติ (Smart Summon) เพื่อให้รถยนต์วิ่งมาหาเจ้าของแบบอัตโนมัติแต่รถยนต์ไฟฟ้า Tesla กลับพุ่งชนเครื่องบินที่กำลังจอดอยู่ในสนามบิน


ฟีเจอร์เรียกรถยนต์อัตโนมัติ (Smart Summon) เป็นฟีเจอร์การทำงานใหม่ของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ทำงานร่วมกับสมาร์ตโฟนในรัศมีห่างจากตัวรถ 6 เมตร ผู้ใช้งานจะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Tesla เวอร์ชันล่าสุดบนสมาร์ตโฟนและตรวจสอบการเชื่อมต่อระบุตำแหน่งโดย GPS ผ่านดาวเทียมก่อนใช้งาน ภายหลังจากการเปิดตัวไม่กี่สัปดาห์มีผู้ทดลองใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวไปแล้วกว่า 550,000 ครั้ง 


ระบบถูกออกแบบให้ช่วยผู้ใช้งานนำรถออกจากพื้นที่แคบ เช่น บริเวณหัวมุมของลานจอดรถ ถนนริมสระน้ำ โดยปกติแล้วบริษัทแนะนำให้ผู้ใช้งานสังเกตการขับเคลื่อนของรถบนหน้าจอสมาร์ตโฟนที่แสดงผลบอกตำแหน่งและภาพจากกล้องวิดีโอรอบตัวรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ผู้ใช้งานจะต้องใช้นิ้วมือกดปุ่มคำสั่งค้างไว้เพื่อยืนยันให้ระบบทำงานตามปกติแต่รถยนต์จะหยุดในทันทีถ้าผู้ใช้งานยกนิ้วออกจากปุ่ม วิธีการนี้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุหรือวัสถุที่ขวางเส้นทาง


สำหรับเครื่องบิน Cirrus Vision ที่ถูกรถยนต์ไฟฟ้า Tesla พุ่งชนเป็นเครื่องบินโดยสารส่วนบุคคลรองรับผู้โดยสาร 6 ที่นั่ง มูลค่า 3.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 119 ล้านบาท อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้รับการบันทึกภาพเอาไว้โดยกล้องวงจรปิดของสนามบิน ภายหลังการชนเครื่องบินหมุนกลับตัว 90 องศา และรถยนต์ไฟฟ้า Tesla หยุดโดยอัตโนมัติ อุบัติเหตุดังกล่าวไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตราย


โดยปกติแล้วระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla มีความปลอดภัยสูงและสามารถเปิดใช้งานในถนนส่วนใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่มักมีข่าวอุบัติเหตุการชนแปลก ๆ เกิดขึ้นเป็นระยะซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของรถยนต์จำเป็นต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้งาน 


ที่มาของข้อมูล : cnbc.com 

ที่มาของรูปภาพ : reddit.com

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง