รีเซต

ความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชาเขย่าเศรษฐกิจท่องเที่ยว?

ความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชาเขย่าเศรษฐกิจท่องเที่ยว?
TNN ช่อง16
26 กรกฎาคม 2568 ( 10:46 )
13

ความตึงเครียดที่พาดผ่านเส้นเลือดเศรษฐกิจ

ภาคท่องเที่ยว หนึ่งในเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจไทยและกัมพูชา กำลังเผชิญความเสี่ยงใหม่จากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ นักวิเคราะห์หลายสำนักเตือนว่า หากความตึงเครียดขยายตัวหรือยืดเยื้อ อาจกดดันภาคบริการที่กำลังฟื้นตัวจากโรคระบาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในฝั่งกัมพูชาซึ่งอาจเผชิญแรงสั่นสะเทือนรุนแรงกว่าหลายเท่า

เมื่อเศรษฐกิจพึ่งนักท่องเที่ยวมากกว่าที่คิด? 

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า การท่องเที่ยวคิดเป็น 12% ของ GDP ไทย และ 9.4% ของ GDP กัมพูชาในปี 2567 ขณะที่ไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 35 ล้านคนต่อปี กัมพูชามีจำนวน 6.7 ล้านคน และเกือบ 1 ใน 3 เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางข้ามพรมแดนเพื่อท่องเที่ยวและใช้บริการคาสิโน

แม้ไทยจะมีเศรษฐกิจที่ใหญ่และหลากหลายกว่า แต่ภาคการท่องเที่ยวกลับจ้างงานกว่า 20% ของแรงงานทั้งประเทศ ความไม่แน่นอนบริเวณชายแดนจึงอาจกระทบความเชื่อมั่น โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว

ศรีปาร์นา บาเนอร์จี นักวิเคราะห์จาก Observer Research Foundation กล่าวกับ CNBC ว่า แม้เหตุการณ์ขัดแย้งจะเกิดขึ้นในพื้นที่ห่างไกลจากศูนย์กลางการท่องเที่ยวของไทย เช่น กรุงเทพฯ หรือภูเก็ต แต่ความรู้สึกไม่มั่นคงจากข่าวการปะทะอาจเพียงพอให้เกิดคำเตือนการเดินทาง และทำให้นักท่องเที่ยวเลี่ยงการเดินทางโดยรวม

ตรงข้ามกับไทย กัมพูชายังไม่มีระบบป้องกันผลกระทบในภาคเศรษฐกิจบริการอย่างเป็นระบบ บาเนอร์จีย้ำว่า กัมพูชาขาดกลไกเชิงนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เข้มแข็ง กองทุนรองรับวิกฤต หรือระบบสวัสดิการสังคมที่สามารถช่วยเหลือภาคเอกชนและแรงงานได้ในยามฉุกเฉิน

โจชัว เคอร์แลนซิก นักวิจัยอาวุโสด้านเอเชียจากสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบุว่า แม้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทยจะอยู่ไกลจากแนวชายแดน แต่กัมพูชากลับต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวจากฝั่งไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะนักเสี่ยงโชคที่เดินทางเข้ากัมพูชาผ่านจังหวัดอย่างสระแก้วและอุดรธานี การปิดชายแดนหรือความไม่มั่นคงเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอจะทำให้รายได้จากกลุ่มนี้หายไปเกือบหมด

เมื่อชายแดนคือประตูเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่เส้นแบ่งประเทศ

เกษม พันธ์รัตนมาลา ผู้บริหาร บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมีลักษณะ “เฉพาะจุด” โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนอย่างสุรินทร์ หรือสระแก้วที่มีการยกเลิกการจองโรงแรมเป็นจำนวนมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ภาพรวมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทยยังคง “มีภูมิต้านทาน” หากความขัดแย้งไม่ลุกลาม

สำหรับกัมพูชา ความเสียหายกลับเกิดในระดับโครงสร้าง ทั้งจากการสูญเสียนักท่องเที่ยวไทยที่เป็นกลุ่มหลัก และจากภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยที่ถูกตั้งคำถามโดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของประเทศ

ปัจจัยภายนอกกำลังท้าทายเส้นทางฟื้นตัว

แม้ทั้งสองประเทศจะพยายามฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังโควิด แต่ความขัดแย้งที่ชายแดนกำลังกลายเป็นปัจจัยถ่วงความเชื่อมั่น ทั้งในมุมมองของนักท่องเที่ยวและภาคธุรกิจ

รายงานจาก The Vacationer ระบุว่า แหล่งท่องเที่ยวอย่างกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ห่างชายแดนกว่า 260 กิโลเมตร และภูเก็ตที่อยู่ไกลยิ่งกว่านั้น ยังคงปลอดภัยต่อการเดินทาง แต่หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น หรือสื่อมวลชนต่างชาติเพ่งเล็งปัญหานี้มากขึ้น ไทยเองก็อาจต้องเผชิญกับคำถามด้านเสถียรภาพเหมือนกัน

นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า หากสถานการณ์ชายแดนคลี่คลายภายในไม่กี่สัปดาห์ ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจจะยังจำกัดอยู่ในพื้นที่ชายแดนและไม่กระทบต่อภาพรวมรายได้การท่องเที่ยวของไทยมากนัก

ในทางกลับกัน กัมพูชาจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นใหม่ทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวจากไทยและจากประเทศอื่น การไม่มีเครื่องมือทางนโยบายและขาดระบบกันกระแทกจากวิกฤต ทำให้ความขัดแย้งนี้กลายเป็นความเสี่ยงเชิงโครงสร้างต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศมากกว่าที่ปรากฏบนหน้าข่าว



อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง