เร่งพิสูจน์ดีเอ็นเอเหยื่อตึก สตง. คืนร่างญาติ-ประสานเมียนมาตรวจเพิ่ม

ตำรวจเร่งพิสูจน์เอกลักษณ์ศพเหตุอาคาร สตง. ถล่ม ยืนยันตัวตนแล้ว 33 ราย ประสานสถานทูตเมียนมาเก็บดีเอ็นเอญาติ ตรวจศพแรงงานต่างด้าว
ที่ศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายในสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ วันที่ 17 เมษายน 2568 พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร โฆษกสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิรุฬห์ ศุภสิงห์ศิริปรีชา ผบก.สถาบันนิติเวชฯ แถลงความคืบหน้าการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิตจากเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พังถล่มจากแผ่นดินไหว
พล.ต.ต.วิรุฬห์ ระบุว่า ขณะนี้มีศพและชิ้นส่วนศพเข้าสู่ระบบแล้ว 41 ราย และชิ้นส่วนอีก 96 ชิ้น โดยมีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากญาติผู้สูญหายรวม 97 รายเพื่อเปรียบเทียบ โดยใช้ข้อมูลลายนิ้วมือ ทันตกรรม ดีเอ็นเอ และลักษณะทางกายภาพ
ผลการพิสูจน์ยืนยันตัวตนได้แล้ว 33 ราย แบ่งเป็นคนไทย 22 ราย ชาวเมียนมา 10 ราย และชาวกัมพูชา 1 ราย ซึ่งญาติบางส่วนได้รับศพกลับไปแล้ว ขณะที่บางรายยังรอการประกอบร่างให้ครบถ้วนก่อนส่งมอบ
พล.ต.ต.วาที เปิดเผยว่า ในช่วงแรกสามารถพิสูจน์ศพและปล่อยให้ญาติรับได้วันต่อวัน แต่ขณะนี้ศพบางส่วนมีการเปลี่ยนสภาพ ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบและประกอบชิ้นส่วนก่อนส่งคืน ทั้งนี้บางชิ้นส่วนต้องใช้การตรวจดีเอ็นเอจากกระดูก ซึ่งอาจใช้เวลาเพิ่มเติมอีก 1-2 วัน
ในส่วนของแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะชาวเมียนมาที่ญาติไม่สามารถเดินทางมาไทยได้ ทาง พฐก. จะประสานสถานทูตเมียนมาเพื่อเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากญาติในประเทศต้นทาง นำมาเปรียบเทียบยืนยันตัวบุคคลในขั้นต่อไป
ขณะเดียวกัน ญาติผู้เสียชีวิตบางรายได้เดินทางมารับศพในวันนี้ เช่น นางบุญเส่ง มวลสุข อายุ 73 ปี มารดาของนายวิทยา สิทธิ์ศรี อายุ 36 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิต ซึ่งเปิดเผยว่า ลูกชายเพิ่งทำงานได้เพียง 1 เดือน ครอบครัวเพิ่งทราบว่าเขาอยู่ในอาคารตอนเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งว่าเจอศพตรงกับวันเกิดของลูกชายเมื่อ 14 เมษายนที่ผ่านมา
นางบุญเส่งกล่าวทั้งน้ำตาว่า แม้จะเสียใจ แต่วันนี้จะนำศพลูกชายไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม เขตบางยี่เรือ ก่อนนำอัฐิกลับไปยังบ้านเกิดที่จังหวัดศรีสะเกษ
โดยในวันพรุ่งนี้ (18 เม.ย.) จะมีการคืนศพให้ญาติอีก 4 รายเพื่อดำเนินการบำเพ็ญกุศล