รีเซต

OR จ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ

OR จ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ
TNN Wealth
8 เมษายน 2564 ( 18:15 )
115

 

 

ข่าววันนี้ ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2564 ของบริษัท เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯ รับทราบการจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานช่วงไตรมาส 4 ของปี 2563 ที่อัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 12,000 ล้านหุ้น เป็นวงเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลจ่าย 41.1% ของกำไรสุทธิ โดยมีกำหนดจ่ายในวันที่ 28 เม.ย.นี้

 

 

ซึ่งอัตราดังกล่าว ถือเป็นอัตราใกล้เคียงกับการพิจารณาจ่ายเงินปันผลในอุตสาหกรรมเดียวกันและเป็นอัตราที่เหมาะสม เพราะเป็นการจ่ายจากผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในไตรมาสเดียวของปี 2564 คือ ไตรมาสที่ 4 และเป็นไปตามนโยบายของบริษัท ที่กำหนดจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิ

 


อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าการจ่ายเงินปันผลในกลุ่ม ปตท. ที่ผ่านมาจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าเป้าหมายการจ่ายเงินปันผลที่กำหนดไว้ และ OR ก็เป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่ยึดหลักการเดียวกัน

 

 

ดังนั้น การพิจารณาจ่ายเงินปันผลการดำเนินงานในปี 2564 จะเป็นการพิจารณาจ่ายจากการดำเนินงานทั้งปี ซึ่งจะสูงกว่า 30% ของกำไรสุทธิที่กำหนดไว้

 


สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของ OR ตามแผน 5 ปี (ปี2564-2568) บริษัท มีแผนจะใช้เงินลงทุนประมาณ 74,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจน้ำมัน 35% ธุรกิจค้าปลีก (Non-Oil) 30% ธุรกิจต่างประเทศ 13% และที่เหลือ เป็นธุรกิจ New S-Curve ที่จะมุ่งไปใน 2 ด้านหลัก คือธุรกิจไลฟ์สไตล์ และธุรกิจ MOBILITY เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท ซึ่งจะเห็นว่าภาพรวมธุรกิจในอนาคตจะมุ่งไปที่ขยายการลงทุนในธุรกิจค้าปลีก (Non-Oil) และธุรกิจต่างประเทศ มากขึ้น

 


โดยในปี 2564 บริษัท มีแผนจะขยายสาขาร้านคาเฟ่อเมซอน เพิ่มขึ้น 400 แห่ง สถานีบริการน้ำมัน เพิ่มขึ้น 110 แห่ง ร้าน Texas Chicken เพิ่มขึ้น 20 แห่ง พร้อมขยายสาขาฟิตออโตเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางปีนี้ บริษัท เตรียมเปิดศูนย์กระจายสินค้าคาเฟ่อเมซอน ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆและหุ่นยนต์เข้ามาช่วยจัดสรรการกระจายสินค้าให้รวดเร็วและทั่วถึง รวมถึงจะมีการเปิดศูนย์กระจายสินค้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่นด้วย

 


ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ รับทราบผลการดำเนินงานในรอบปี 2563 ของบริษัท โดยมีรายได้ 428,804 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 8,791 ล้านบาท ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัท ทำให้ปริมาณการขายน้ำมันลดลง 12% ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของน้ำมันเครื่องบิน (Jet) ส่วนธุรกิจค้าปลีก ได้รับผลกระทบเล็กน้อย ซึ่งผลกระทบส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเดือน เม.ย.2563 ที่ประเทศมีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ โดยปัจจุบัน ยอดขายน้ำมันเริ่มฟื้นตัว แต่ยังผลกระทบต่อน้ำมันเครื่องบินระหว่างประเทศเท่านั้น ขณะที่ธุรกิจค้าปลีก บริษัทได้นำเรื่องของเดลิเวอรี่เข้ามาเสริมการขายมากขึ้น

 


อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับพอร์ตธุรกิจ รองรับยอดขายน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลงในอนาคตโดยหันไปขยายการลงทุนในธุรกิจค้าปลีก (Non-Oil) และธุรกิจต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรที่มากขึ้นในอนาคต และพยายามเพิ่มสัดส่วนผู้ใช้บริการในปั๊มน้ำมันที่ไม่ใช่มาเติมน้ำมันให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Oil

 


โดยปี 2563 บริษัท มีสัดส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ของธุรกิจรีเทล ในส่วนของธุรกิจน้ำมัน อยู่ที่ 69% ธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 26% ซึ่งธุรกิจ Non-Oil จะสร้างมาร์จิ้นที่ดีกว่าธุรกิจน้ำมัน โดยเฉพาะอเมซอนและร้านสะดวกซื้อ ขณะที่ร้าน Texas Chicken กำลังตามมา และคาดว่าสิ้นปีนี้ หรือต้นปีหน้าจะเห็นกำไรที่ชัดเจน

 


นอกจากนี้ ที่ประชุมฯยังเห็นชอบกรรมการต่ออีกวาระหนึ่ง จำนวน 4 ราย ได้แก่ นางสาวดวงกมล ชาติประเสริฐ ,นายสุพัฒน์ เมธีวรพจน์ ,นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข และนายกฤษณ์ อิ่มแสง

 


“นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ OR “

 

 

ข่าวเกี่ยวข้อง :

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง