ลงทุนฟื้น ส่งออกโต "สภาพัฒน์" แถลงจีดีพีไตรมาส 2 โต 2.8% ปรับเพิ่มทั้งปี 2568 เป็น 2% จาก 1.8%

"สภาพัฒน์" แถลงจีดีพีไตรมาส 2 โต 2.8% ผลจากส่งออกพุ่ง พร้อมปรับจีดีพีไทย ปี 2568 โต 2% จากเดิม 1.8% ชี้ภาษีทรัมป์ชัดเจน ลงทุนฟื้น ส่งออกโต
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ขยายตัวได้ 2.8% ชะลอลงจากการขยายตัว 3.2% ในไตรมาสแรก โดยเป็นผลจากการส่งออกที่ขยายตัวได้ 15% ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุจากการเร่งส่งออกสินค้าก่อนที่จะสิ้นสุดช่วงผ่อนปรนอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 16.8% ทั้งนี้ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าจีดีพีไทยไตรมาสนี้ จะโตที่ประมาณ 2.5-2.7%
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวได้มาจากการลงทุนรวมที่ขยายตัวได้ 5.8% เร่งขึ้น 4.7% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามการลงทุนภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ด้านการลงทุนภาครัฐ ขยายตัวได้ 10.1% แต่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยการลงทุนในหมวดก่อสร้างขยายตัว 16.1% ขณะที่การลงทุนในหมวดเครื่องจักรเครื่องมือปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว พบว่าในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจำนวน 7.13 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยมากสุด 5 อันดับแรก คือ มาเลเซีย 1.14 ล้านคน , จีน 0.94 ล้านคน, อินเดีย 0.64 ล้านคน, รัสเซีย 0.31 ล้านคน, และเกาหลีใต้ 0.27 ล้านคน
ส่วนอัตราเงินเฟ้อของไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส มาอยู่ที่ ติดลบ 0.3% ดัชนีราคาหมวดที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลง 1.5% เป็นผลจากการลดลงของดัชนีราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ตามการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกและฐานราคาที่สูงในปีก่อน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ 0.9% ตามการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาหมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษา และการศาสนา
ทั้งนี้รวมครึ่งปีแรก 2568 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 3% โดยการส่งออกขยายตัวได้ 15% ขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งหลังปีก่อน ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 11.9% ด้านการลงทุนรวมในครึ่งปีแรกขยายตัว 5.2% โดยการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ 1.4% และการลงทุนภาครัฐขยายตัวได้ 17.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ 0.4% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.7%
นายดนุชา ระบุว่า กรณีภาษีตอบโต้จากทางสหรัฐฯมีความชัดเจนในระดับหนึ่งทำให้ข้อกังวลลดลง แต่ยังต้องมีการปรับเรื่องกฎระเบียบต่างๆให้ภาคการผลิตของไทยสามารถแข่งขันได้ ซึ่งประเทศไทยมีอัตราภาษีที่ใกล้เคียงกับประเทศต่างๆในอาเซียน มองว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้อานิสงค์จากการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่การบริโภคของภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นในระยะต่อไป จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ สศช.ได้มีการปรับตัวเลขคาดการณ์จีดีพีเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.3 – 2.3% (ค่ากลางอยู่ที่ 1.8%) เพิ่มเป็น 1.8 – 2.3% (ค่ากลางอยู่ที่ 2%) โดยเป็นการปรับตามปริมาณการค้าโลกที่เพิ่มขึ้นเป็น 3% จากเดิม 1.8% ขณะที่เศรษฐกิจของคู่ค่ายังขยายตัวได้ต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 0.3% อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 32.5 – 33.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 33 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 1.57 ล้านล้านบาท
มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะขยายตัว 5.5% ลดลงจาก 5.8% ในปี 2567 แต่ยังสูงกว่าการขยายตัวเฉลี่ยในรอบก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 1.8% สะท้อนการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก และปริมาณการค้าโลก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี หลังจากการปรับลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเริ่มส่งผลบวก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
