รีเซต

SAMART มองไกล ใกล้ก็สวย?

SAMART มองไกล ใกล้ก็สวย?
ทันหุ้น
3 มกราคม 2568 ( 12:46 )
11

#ทันหุ้น - บล.หยวนต้า ส่องหุ้น บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART คาดกำไรปกติใน Q4/67 ที่ 120 ล้านบาท หรือทำระดับสูงสุดของปี 2567 +15% QoQ และพลิกจากขาดทุน 8 ล้านบาทใน Q4/66 หนุนจาก 1) SDC คาดมีกำไรปกติบางๆ 2) SAV คาดกำไรปกติที่ 135 ล้านบาท (+8% QoQ, +122% YoY) และ 3) SAMTEL คาดกำไรระดับ 50-60 ล้านบาท เทียบกับระดับ 10-20 ล้านบาทในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2567 หากกำไรออกมาตามคาด SAMART จะทำกำไรปกติปี 2567 ที่ราว 388 ล้านบาท หรือคิดเป็น EPS67 ที่ราว 0.39 บาทต่อหุ้น แต่กำไรสุทธิปี 2567 จะต่ำเนื่องจากมีการตั้งสำรองคดีความและการขาดทุนธุรกิจ Startup รวมกันกว่า 300 ล้านบาท 

 

แนวโน้มสดใสต่อเนื่องในปี 68

 

ฝ่ายวิจัยคาดผลประกอบการของ SAMART ปี 2568 เติบโตเด่น YoY ดังนี้ 1) SAMTEL (Non-rate) มี Backlogs ณ สิ้น Q3/67 ที่3.9 พันล้านบาท แต่อยู่ระหว่างลุ้นงานขนาดใหญ่หลายโครงการหลักหลายพันล้านบาทในช่วงต้นปี 2568 หากปิดงานได้ตามนัด ฝ่ายวิจัยคาดปี 2568 จะเป็นรอบการฟื้นตัวของ SAMTEL จากงานของภาครัฐที่เป็นงานหลักของกลุ่มจะกลับมาเดินหน้าปกติเต็มปีตลอดปี 2568 เทียบกับปี 2567 ที่งานหายไปในช่วง 1H67 ขณะที่งานขนาดใหญ่ที่จะปิดได้ในช่วงปลายปี 2567 ถึงต้นปี 2568 จะหนุนให้รายได้ของ SAMTEL มีโอกาสกลับไปที่ระดับเกินกว่า 5.0 พันล้านบาทต่อปีในปี 2568 จากก่อนหน้าที่ระดับ 4.3-4.4 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2567 

 

2) SDC (Non-rate) คาดผลประกอบการปี 2568 มีกำไรปกติบางๆ เนื่องจากโครงสร้างธุรกิจผ่านจุดที่ต้องตั้งสำรองจำนวนมากไปแล้ว ขณะที่ Traffic ของ Digital Trunk Radio อยู่ในระดับที่มีลุ้นทำกำไรได้บางๆ ในกรณีเลวร้าย หาก SDC พลิกมีผลขาดทุน คาดจะไม่สูงเหมือนในช่วงปี 2565-2566 ที่มีผลขาดทุนจากการตั้งสำรองจำนวนมาก ทำให้แรงกดดันจาก SDC ต่อกลุ่มประเมินว่าจำกัด

 

3) SAV (BUY TP 26.25) แนวโน้มกำไรปกติปี 2568 คาดที่ 516 ล้านบาท (+11% YoY) หนุนจาก Traffic เติบโต 93% ของระดับก่อนเกิด COVID-19 หรือคิดเป็นการเติบโตราว 9% YoY ขณะที่ประมาณการของ SAV ยังไม่รวมการได้ให้บริการในตลาดลาว

 

4) ธุรกิจอื่นๆ ในเครือนอกตลาด เช่น งาน Direct Coding และ TEDA คาดรักษาระดับได้ตามปกติ โดยธุรกิจ Direct Coding บริษัทฯ พยายามขยายไปที่ตลาดยาและอาหารเสริมคาดกำไรปกติปี 2568 ทกี่ รอบ +/-500 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดเบื้องต้นกำไรปกติปี 2568 ของ SAMART ที่ 497 ล้านบาท (+28% YoY) หรือคิดเป็น EPS68 ที่ 0.49 บาทต่อหุ้น อิงสมมติฐานรายได้ของ SAMTEL ฟื้นตัว SDC ไม่มีผลขาดทุนหนักๆ มากดดัน และ SAV เติบโตได้ต่อเนื่อง 

 

ประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 497 ล้านบาท คิดเป็นไตรมาสละ 124 ล้านบาท หรือใกล้เคียงคาดการณ์กำไรปกติ Q4/67 ของฝ่ายวิจัย ดังนั้นหาก SAMART รักษาผลประกอบการของ SAV และ SDC ในลักษณะประคองตัว และฟื้นรายได้ของ SAMTEL ผ่านการประมูลภาครัฐ รวมถึงไม่มีรายการสำรองพิเศษกดดันเพิ่มเติม ประมาณการมีโอกาสทำได้ไม่ยาก

 

กรอบเป้าเก็งกำไร 7.41-9.87 บ./หุ้น ปี 68 

 

ฝ่ายวิจัยยังไม่มีราคาเหมาะสมอย่างเป็นทางการสำหรับ SAMART อย่างไรก็ดีคาดเบื้องต้นกำไรปกติปี 2568 ของ SAMART ที่ 497 ล้านบาท (+28% YoY) หรือคิดเป็น EPS25 ที่ 0.49 บาทต่อหุ้น อิงสมมติฐานที่ได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้า เนื่องจากตลาดในปี 2568 ประเมินว่ามีความท้าทายสูงโดยเฉพาะในช่วงต้นปีที่มีความเสี่ยงของสงครามการค้าที่มีโอกาสทวีความรุนแรงขึ้นทำให้ PER ของหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กในตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ระดับสูงมากไม่ได้ 

 

ในกรณีของ SAMART หากพิจารณากำไรปี 2568 ที่เติบโตได้ระดับมากกว่า 20% หุ้นจะซื้อขายบน PER20x มองว่าสมเหตุสมผล หากอิง EPS 0.49 บาทต่อหุ้น และ PER20x ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบราคาเหมาะสมเบื้องต้นของ SAMART ณ สิ้นปี 2568 ที่ 9.87 บาทต่อหุ้น (ตารางที่1) กรณีดังกล่าวเป็นกรณีฐานสำหรับการเก็งกำไร SAMART ในปี 2568 ในมุมมองของฝ่ายวิจัย

อย่างไรก็ดีในกรณีที่ตลาดอ่อนแอประเมินว่า PER ระดับ 15x มีโอกาสถูกตลาดหยิบมาเป็นกรอบในการเก็งกำไร ซึ่งจะหมายถึงหุ้นจะอยู่ในกรอบราว 7.40 บาทต่อหุ้น ซึ่งก็ยังสูงกว่าราคาปัจจุบันที่ +/-6.80 บาทต่อหุ้น และหากพิจารณาว่าหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/BV ในอดีต สะท้อนว่าราคาหุ้นปัจจุบันของ SAMART มี Downside จำกัด

 

ความเสี่ยงสำคัญ  ได้แก่ 1) SDC มีผลขาดทุนรุนแรงอีกครั้ง 2) การประมูลงานของ SAMTEL มีความล่าช้ากว่าคาด 3) ดีลของ SAV ในต่างประเทศล่าช้า และ 4) การตั้งสำรองที่ไม่อยู่ในประมาณการ

 

หมายเหตุ: SAMART ไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย บทวิเคราะห์ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเสนอมุมมองการลงทุนที่น่าสนใจ ภายใต้สมมติฐานและมุมมองของฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) เพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน มิได้มีการศึกษาข้อมูลเชิงลึกแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาขอ้มูลก่อนตัดสินใจลงทุนเพิ่มเติมมากกว่าปกติ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง