เร่งแก้วิกฤตแล้ง! น้ำยมแห้งขอด ไร่นาเสียหายแสนไร่
วันที่ 28 มิถุนายน 2564 ที่เห็นอยู่นี้ คือ สภาพของแม่น้ำยม ที่ไหลผ่านพื้นที่อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ซึ่งมีสภาพแห้งขอด ไม่มีน้ำเหลือให้กักเก็บ ทั้งๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝน และปกติแล้ว แม่น้ำยมในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาจะมีปริมาณน้ำเต็มตลิ่งแล้ว ทำให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทางการเกษตรใน 12 อำเภอ ซึ่งประกอบไปด้วย นาข้าวประสบปัญหาขาดน้ำไปหล่อเลี้ยงลำต้นและยืนต้นตายแล้วจำนวนกว่า 123,000 ไร่
นอกจากนี้ยังมีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อีกจำนวนกว่า 10,900 ไร่ และมันสำปะหลังอีกจำนวนกว่า 5,800 ไร่ก็ประสบปัญหาภัยแล้งและยื่นต้นเหี่ยวเฉาตายเช่นเดียวกัน สร้างความเดือดร้อนให้กับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดพิจิตร โดยเกษตรกรต้องหาแหล่งน้ำใต้ดินมาหล่อเลี้ยงพืชสวนไร่นาป้องกันความเสียหาย
ขณะเดียวกันนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะกรมชลประทาน ลงพื้นที่ฝายยางสามง่าม ตำบลรังนก อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร เพื่อติดตามสถานการณ์ในลุ่มน้ำยม โดยพบสภาพแม่น้ำยมแห้งขอดตลอดสาย พร้อมเปิดเผยว่า ฝายยางในลุ่มน้ำยมมีแผนที่ก่อสร้างทั้งหมดจำนวน 7 แห่งในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดพิจิตรและจังหวัดนครสวรรค์ โดยก่อสร้างเสร็จแล้วจำนวน 3 เขื่อน และถ้าหากเขื่อนหรือฝายยางในลุ่มน้ำยมแล้วในช่วงปี พ.ศ.2566 ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการเก็บน้ำไม่น้อยกว่า 300,000 ไร่ แต่ปีนี้ปริมาณฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ทำให้ปริมาณน้ำกักเก็บในเขื่อนหลักทางภาคเหนือทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนแควน้อย ลดน้อยตามไปด้วย
จึงได้ประสานงานไปยังกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ให้นำเครื่องบินขึ้นบินทำฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีฝนตกลงมาและมีน้ำกักเก็บในเขื่อนขนาดใหญ่ นอกจากนี้หากนาข้าว พืชไร่และพืชสวนประสบปัญหาขาดน้ำและยืนต้นตายก็สามารถยื่นเรื่องเพื่อขอรับการชดเชยได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอและจังหวัดทุกแห่ง โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเยียวยาชดเชยช่วยเหลือในอัตราไร่ละ 1,113 บาท