กรมชลฯ เพิ่มระบายน้ำรับฝนตกหนัก 1-6 ก.ค.นี้

สถานการณ์น้ำในเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลุ่มภาคกลาง ต้องกลับมาจับตาอีกครั้ง หลังจากเมื่อวานนี้(30 มิ.ย.) พบว่า ปริมาณน้ำเหนือมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากทางตอนบนของประเทศมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงเขื่อนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 622 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
เขื่อนเจ้าพระยา จึงได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากเดิมที่ระดับ 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขึ้นไปเป็น 180 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเตรียมรองรับมวลน้ำเหนือ ที่จะไหลลงมาสมทบในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งจากการเพิ่มการระบายน้ำในอัตรานี้ จะยังไม่สร้างผลกระทบต่อพื้นที่ริมตลิ่งท้ายเขื่อนเจ้าพระยา แต่ผู้ประกอบการร้านหรือแพอาหารและกระชังปลาในแม่น้ำเจ้าพระยา ควรตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง เพื่อความปลอดภัยจากระดับน้ำที่ยกตัวหลังจากนี้ และขอให้ติดตามประกาศจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยผลการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ว่า จากข้อมูลล่าสุด พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณร้อยละ 57 ของความจุ สามารถรับน้ำได้อีกกว่า 33,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก มีปริมาณน้ำรวมกันร้อยละ 53 ของความจุ สามารถรับน้ำได้อีกกว่า 11,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ภาพรวมปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีปริมาณฝนตกหนัก ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงวันที่ 1 - 6 กรกฎาคมนี้ ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ เนื่องจากร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จึงได้กำชับไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พิจารณาปรับการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อท้ายเขื่อน เพื่อรองรับปริมาณฝนที่จะเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมนี้ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
