อัปเดตสถานการณ์น้ำเขื่อนทั่วไทย ครึ่งประเทศยังต่ำกว่าระดับใช้งานจริง

รายงานล่าสุดเผย เขื่อนหลักทั่วประเทศมีน้ำเฉลี่ยเพียง 56% ใช้งานได้จริงเพียง 37% ภาคกลาง-อีสานเผชิญระดับน้ำต่ำกว่าปกติ ขณะฝนเริ่มกระตุ้นปริมาณน้ำบางจุด
ฝนมาแล้ว แต่น้ำยังไม่ถึง
ในช่วงต้นฤดูฝนปี 2568 ปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศยังอยู่ในระดับที่ต้องจับตาอย่างต่อเนื่อง แม้หลายพื้นที่จะเริ่มมีฝนตกมากขึ้น แต่เมื่อพิจารณาตัวเลขจากกรมชลประทานพบว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักรวมทั้งหมดอยู่ที่ 43,201 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือราว 56% ของความจุอ่างทั้งหมด ขณะที่น้ำที่สามารถนำมาใช้งานได้จริงมีเพียง 19,254 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 37% เท่านั้น
ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ถึงความท้าทายของการบริหารจัดการน้ำในแต่ละภาคของประเทศ ซึ่งมีระดับน้ำในอ่างแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งจากลักษณะภูมิประเทศ ปริมาณฝนตกสะสม และรูปแบบการใช้น้ำในพื้นที่นั้นๆ
เหนือยังไม่เต็ม อ่างใหญ่รับได้อีก
ภาคเหนือเป็นพื้นที่ต้นน้ำที่มีเขื่อนขนาดใหญ่หลายแห่ง โดยเขื่อนภูมิพลมีน้ำในอ่าง 5,941 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 44% ของความจุทั้งหมด และใช้งานได้จริงเพียง 28% ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีน้ำ 3,865 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 41% ของความจุ ใช้งานได้จริง 23%
แม้ตัวเลขจะไม่สูงนัก แต่ยังอยู่ในระดับที่สามารถรองรับน้ำจากฝนที่ตกเพิ่มขึ้นในช่วงกลางฤดูฝนได้อีกมาก ขณะเดียวกันเขื่อนแม่งัดในภาคเหนือมีน้ำถึง 57% ถือว่าอยู่ในระดับปลอดภัยมากกว่าเขื่อนอื่นในภูมิภาคเดียวกัน
อีสานบางเขื่อนยังต่ำกว่า 35%
พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังมีหลายเขื่อนที่มีระดับน้ำต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว โดยเขื่อนอุบลรัตน์มีน้ำในอ่างเพียง 33% และใช้งานได้จริงเพียง 10% เท่านั้น เขื่อนลำปาวและเขื่อนสิรินธรก็มีตัวเลขน้ำใช้งานจริงไม่เกิน 35% เช่นกัน
ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าพื้นที่เพาะปลูกในอีสานอาจเผชิญแรงกดดันด้านน้ำใช้หากฝนในช่วงครึ่งหลังของฤดูไม่ตกลงมาในระดับที่มากพอ การวางแผนใช้น้ำล่วงหน้าจึงเป็นหัวใจสำคัญของเกษตรกรในพื้นที่
กลางและตะวันตก ความเสี่ยงซ่อนอยู่ในตัวเลข
ภาคกลางมีเขื่อนสำคัญอย่างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และเขื่อนกระเสียว ซึ่งมีน้ำในอ่างเพียง 15% และ 24% ตามลำดับ โดยมีน้ำใช้งานได้จริงต่ำกว่า 30% ข้อมูลนี้นับว่าน่าเป็นห่วงสำหรับพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของประเทศ
ในขณะที่เขื่อนใหญ่ฝั่งตะวันตก เช่น เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ มีน้ำในอ่าง 70% และ 52% ตามลำดับ แต่เมื่อพิจารณาน้ำที่สามารถใช้งานได้จริง กลับเหลือเพียง 14% และ 21% แสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำในอ่างอาจไม่ได้แปลว่าสามารถใช้ได้ทันที
ตะวันออกและใต้ น้ำยังมั่นคง
เขื่อนในภาคตะวันออกอย่างเขื่อนประแสร์ หนองปลาไหล และบางพระ มีระดับน้ำอยู่ที่ 35–60% ของความจุ และน้ำใช้งานได้จริงสูงสุดถึง 64% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น
ในขณะเดียวกัน ภาคใต้ที่มีเขื่อนรัชชประภาและเขื่อนบางลาง ก็ยังมีปริมาณน้ำในอ่างที่มากกว่า 60% และน้ำใช้งานได้มากกว่า 50% การบริหารจัดการน้ำในสองภูมิภาคนี้จึงอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย และสามารถรองรับฝนในช่วงมรสุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวเลขที่บ่งชี้อนาคต
แม้ขณะนี้ยังไม่มีรายงานการล้นอ่างหรือเหตุการณ์วิกฤตด้านน้ำในพื้นที่ใดของประเทศ แต่ความไม่สม่ำเสมอของฝนในแต่ละภูมิภาค บวกกับระดับน้ำใช้งานที่ต่ำในบางเขื่อน อาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงในช่วงปลายฤดูฝนและต้นฤดูแล้งหากไม่มีฝนตกลงมาในปริมาณเพียงพอ
การติดตามข้อมูลปริมาณฝนรายวัน และการวางแผนระบายน้ำของแต่ละเขื่อนจึงเป็นกลไกสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของระบบน้ำในช่วงเดือนกรกฎาคม–สิงหาคมที่จะถึงนี้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
