รีเซต

อัปเดตสถานการณ์น้ำเขื่อนทั่วไทย ครึ่งประเทศยังต่ำกว่าระดับใช้งานจริง

อัปเดตสถานการณ์น้ำเขื่อนทั่วไทย ครึ่งประเทศยังต่ำกว่าระดับใช้งานจริง
TNN ช่อง16
11 มิถุนายน 2568 ( 16:40 )
27

รายงานล่าสุดเผย เขื่อนหลักทั่วประเทศมีน้ำเฉลี่ยเพียง 56% ใช้งานได้จริงเพียง 37% ภาคกลาง-อีสานเผชิญระดับน้ำต่ำกว่าปกติ ขณะฝนเริ่มกระตุ้นปริมาณน้ำบางจุด

ฝนมาแล้ว แต่น้ำยังไม่ถึง

ในช่วงต้นฤดูฝนปี 2568 ปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศยังอยู่ในระดับที่ต้องจับตาอย่างต่อเนื่อง แม้หลายพื้นที่จะเริ่มมีฝนตกมากขึ้น แต่เมื่อพิจารณาตัวเลขจากกรมชลประทานพบว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักรวมทั้งหมดอยู่ที่ 43,201 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือราว 56% ของความจุอ่างทั้งหมด ขณะที่น้ำที่สามารถนำมาใช้งานได้จริงมีเพียง 19,254 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 37% เท่านั้น

ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ถึงความท้าทายของการบริหารจัดการน้ำในแต่ละภาคของประเทศ ซึ่งมีระดับน้ำในอ่างแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งจากลักษณะภูมิประเทศ ปริมาณฝนตกสะสม และรูปแบบการใช้น้ำในพื้นที่นั้นๆ


เหนือยังไม่เต็ม อ่างใหญ่รับได้อีก

ภาคเหนือเป็นพื้นที่ต้นน้ำที่มีเขื่อนขนาดใหญ่หลายแห่ง โดยเขื่อนภูมิพลมีน้ำในอ่าง 5,941 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 44% ของความจุทั้งหมด และใช้งานได้จริงเพียง 28% ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีน้ำ 3,865 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 41% ของความจุ ใช้งานได้จริง 23%

แม้ตัวเลขจะไม่สูงนัก แต่ยังอยู่ในระดับที่สามารถรองรับน้ำจากฝนที่ตกเพิ่มขึ้นในช่วงกลางฤดูฝนได้อีกมาก ขณะเดียวกันเขื่อนแม่งัดในภาคเหนือมีน้ำถึง 57% ถือว่าอยู่ในระดับปลอดภัยมากกว่าเขื่อนอื่นในภูมิภาคเดียวกัน

อีสานบางเขื่อนยังต่ำกว่า 35%

พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังมีหลายเขื่อนที่มีระดับน้ำต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว โดยเขื่อนอุบลรัตน์มีน้ำในอ่างเพียง 33% และใช้งานได้จริงเพียง 10% เท่านั้น เขื่อนลำปาวและเขื่อนสิรินธรก็มีตัวเลขน้ำใช้งานจริงไม่เกิน 35% เช่นกัน

ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าพื้นที่เพาะปลูกในอีสานอาจเผชิญแรงกดดันด้านน้ำใช้หากฝนในช่วงครึ่งหลังของฤดูไม่ตกลงมาในระดับที่มากพอ การวางแผนใช้น้ำล่วงหน้าจึงเป็นหัวใจสำคัญของเกษตรกรในพื้นที่

กลางและตะวันตก ความเสี่ยงซ่อนอยู่ในตัวเลข

ภาคกลางมีเขื่อนสำคัญอย่างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และเขื่อนกระเสียว ซึ่งมีน้ำในอ่างเพียง 15% และ 24% ตามลำดับ โดยมีน้ำใช้งานได้จริงต่ำกว่า 30% ข้อมูลนี้นับว่าน่าเป็นห่วงสำหรับพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของประเทศ

ในขณะที่เขื่อนใหญ่ฝั่งตะวันตก เช่น เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ มีน้ำในอ่าง 70% และ 52% ตามลำดับ แต่เมื่อพิจารณาน้ำที่สามารถใช้งานได้จริง กลับเหลือเพียง 14% และ 21% แสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำในอ่างอาจไม่ได้แปลว่าสามารถใช้ได้ทันที


ตะวันออกและใต้ น้ำยังมั่นคง

เขื่อนในภาคตะวันออกอย่างเขื่อนประแสร์ หนองปลาไหล และบางพระ มีระดับน้ำอยู่ที่ 35–60% ของความจุ และน้ำใช้งานได้จริงสูงสุดถึง 64% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น

ในขณะเดียวกัน ภาคใต้ที่มีเขื่อนรัชชประภาและเขื่อนบางลาง ก็ยังมีปริมาณน้ำในอ่างที่มากกว่า 60% และน้ำใช้งานได้มากกว่า 50% การบริหารจัดการน้ำในสองภูมิภาคนี้จึงอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย และสามารถรองรับฝนในช่วงมรสุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวเลขที่บ่งชี้อนาคต

แม้ขณะนี้ยังไม่มีรายงานการล้นอ่างหรือเหตุการณ์วิกฤตด้านน้ำในพื้นที่ใดของประเทศ แต่ความไม่สม่ำเสมอของฝนในแต่ละภูมิภาค บวกกับระดับน้ำใช้งานที่ต่ำในบางเขื่อน อาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงในช่วงปลายฤดูฝนและต้นฤดูแล้งหากไม่มีฝนตกลงมาในปริมาณเพียงพอ

การติดตามข้อมูลปริมาณฝนรายวัน และการวางแผนระบายน้ำของแต่ละเขื่อนจึงเป็นกลไกสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของระบบน้ำในช่วงเดือนกรกฎาคม–สิงหาคมที่จะถึงนี้

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง