รีเซต

24 มิถุนายน กำเนิดโทรทัศน์ครั้งแรกในไทยพัฒนาสู่ทีวีดิจทัลในปัจจุบัน

24 มิถุนายน กำเนิดโทรทัศน์ครั้งแรกในไทยพัฒนาสู่ทีวีดิจทัลในปัจจุบัน
TrueID
24 มิถุนายน 2563 ( 12:30 )
4.3K
24 มิถุนายน กำเนิดโทรทัศน์ครั้งแรกในไทยพัฒนาสู่ทีวีดิจทัลในปัจจุบัน

 

24 มิถุนายน หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงเหตุการณ์ปฏิวัติสยามในปี 2475 ที่คณะราษฎรก่อปฏิวัติยึดอำนาจ เพื่อรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนระบอบการปกครอง แต่นอกจากจะมีเรื่องของการเมืองแล้ว ในวันเดียวกันแต่เป็นปี 2498 ถือว่าเป็นวันสำคัญที่เป็นจุดกำเนิดของโทรทัศน์ไทยเช่นกัน เพราะเป็นวันออกอากาศแพร่สัญญาณอย่างเป็นทางการวันแรกของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวี 'ช่อง 4 บางขุนพรหม' ซึ่งเป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทย ดำเนินงานภายใต้การบริหารของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด และมีชื่อเรียกขานตามอนุสัญญาสากลว่าด้วยวิทยุโทรทัศน์ว่า HS1-TV ตั้งอยู่ที่วังบางขุนพรหม ที่ทำการของธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน

 

โดยช่อง 4 บางขุนพรหม ออกอากาศเป็นแบบขาวดำ ซึ่งเกิดจากแนวคิดของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น  เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน ดำเนินงานในรูปบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด โดยมีกรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และบริหารงานสถานี โดยตอนแรกสถานีโทรทัศน์ออกอากาศสัปดาห์ละ 4 วัน คือ อังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ ด้วยระบบแพร่ภาพขาวดำ 525 เส้น ต่อมาจึงขยายเป็น 7 วัน

 

ต่อมาในปี 2510 เริ่มมีการพัฒนาจากระบบขาวดำเปลี่ยนเป็นระบบสี โดยสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เป็นสถานีโทรทัศน์สีแห่งแรกของไทย และมีช่องอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 5 รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 ที่เปลี่ยนมาแพร่ภาพด้วยระบบสี และเปลี่ยนชื่อสถานีเป็นสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 ละเปลี่ยนชื่อเป็นช่อง 9 อ.ส.ม.ท.

 

และในปี 2557 กสทช.ได้ประกาศทดลองออกอากาศโทรทัศน์แบบทีวีดิจิทัล และเข้ามาแทนที่ทีวีอนาล็อกทำให้เลือกชมรายการได้หลายช่องมากขึ้น ด้วยภาพและเสียงที่มีความคมชัดสูง หลังจากนั้นโทรทัศน์หลายช่องก็ได้เปลี่ยนเป็นดิจิทัลเริ่มตั้งแต่ช่อง ThaiPBS ตามมาด้วยช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9 และ NTB โดยช่อง 3 เป็นช่องสุดท้ายที่เปลี่ยนเป็นแบบดิจิทัลในปี 2563 นั้นเอง

 

ดังนั้นวันที่ 24 มิถุนายน จึงกลายเป็นวันที่แสดงถึงพัฒนาความเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ซึ่งการพัฒนาของโทรทัศน์ในประเทศไทยยังสะท้อนถึงเทคโนโลยีและความเจริงรุ่งเรื่องในประเทศอีกด้วย

 

ข้อมูล : สำนักข่าวไทย, FB.สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง