การจลาจลปะทุขึ้นในเมืองต่าง ๆ ทั่วเนเธอร์แลนด์ ในวันอาทิตย์ (21 พฤศจิกายน) ตามเวลาท้องถิ่น

ตำรวจ กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ 5 คนได้รับบาดเจ็บในชั่วข้ามคืนวันเสาร์ (20 พฤศจิกายน) และจนถึงขณะนี้ มีผู้ถูกจับกุมตัวอย่างน้อย 64 คน ในเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงต่อต้านมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในหลายเมืองของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นคืนที่ 3 ในวันอาทิตย์ (21 พฤศจิกายน) ตามเวลาท้องถิ่น

 

ผู้ประท้วงเผารถจักรยานตามท้องถนนหลายสายในกรุงเฮก ส่งผลให้การจราจรติดขัด อีกทั้งยังมีการขว้างปาดอกไม้ไฟ ระหว่างการแข่งขันฟุตบอล ขณะที่ตำรวจดัทช์บนหลังม้า พยายามที่จะฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย

 

ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ (20 พฤศจิกายน) เจ้าหน้าที่เนเธอร์แลนด์ ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง และเสริมกำลังตำรวจ เพื่อสกัดกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อจลาจล ซึ่งจุดไฟเผาและขว้างประทัดเข้าใส่เจ้าหน้าที่ ท่ามกลางความปั่นป่วนวุ่นวายที่เลวร้ายที่สุด ตั้งแต่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการจำกัดพื้นที่เต็มรูปแบบ ทำให้ความวุ่นวายขยายตัว

 

ความไม่สงบครั้งล่าสุดนี้ เริ่มต้นขึ้นในคืนวันศุกร์ (19 พฤศจิกายน) ที่ผ่านมา ในเมืองรอตเตอร์ดัม ซึ่งตำรวจยิงเข้าใส่ฝูงชนหลายร้อยคน ระหว่างการประท้วงที่นายกเทศมนตรีของเมือง บอกว่า การประท้วงได้เปลี่ยนเป็นความรุนแรง

 

เจ้าหน้าที่ระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า มีผู้ประท้วงอย่างน้อย 3 คน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และยังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยเจ้าหน้าที่เริ่มทำการสอบสวนแล้ว

 

การประท้วงถูกกระตุ้นจากฝ่ายต่อต้านแผนการของรัฐบาล ในการใช้บัตรสุขภาพทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนแสดงบัตรพิสูจน์ว่าหายจากอาการป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด และหลักฐานการฉีดวัคซีน ยกเว้นคนที่มีผลตรวจเป็นลบ

 

เนเธอร์แลนด์ บังคับใช้มาตรการจำกัดพื้นที่บางส่วนต่อประชากร 17.5 ล้านคน เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว เบื้องต้นใช้เวลา 3 สัปดาห์ ในความพยายามที่จะลดการติดเชื้อไวรัส แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังคงอยู่ในระดับสูงสุดตั้งแต่ไวรัสเริ่มระบาด

 

อีกทั้ง กลุ่มวัยรุ่นยังไม่พอใจคำสั่งห้ามเล่นดอกไม้ไฟในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องการไปเพิ่มแรงกดดันต่อโรงพยาบาล ที่ถูกบังคับให้ต้องลดการดูแลคนป่วยอื่น ๆ เพื่อทุ่มสรรพกำลังมาดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19