รีเซต

LEO กำไรปี 64 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปี65 ไปต่อ ตั้งเป้าเติบโต 30-35% ผนึก China Post หนุนโลจิสติกส์ ลุย M&A ต่อเนื่อง

LEO กำไรปี 64 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปี65 ไปต่อ ตั้งเป้าเติบโต 30-35% ผนึก China Post หนุนโลจิสติกส์ ลุย M&A ต่อเนื่อง
มติชน
22 กุมภาพันธ์ 2565 ( 13:57 )
48
LEO กำไรปี 64 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปี65 ไปต่อ ตั้งเป้าเติบโต 30-35% ผนึก China Post หนุนโลจิสติกส์ ลุย M&A ต่อเนื่อง

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานในปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 198.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 250% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 56.9 ล้านบาท ถือเป็นกำไรระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้รวมทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท ทำได้ที่ 3,369.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,129.1 ล้านบาท แสดงถึงความสามารถในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นของบริษัทฯยังมีศักยภาพการเติบโตอีกมากในปี 2565

 

สำหรับงวดไตรมาส 4/2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 76.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 449% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 14 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,251.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 270% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 338 ล้านบาท และเป็นการทำสถิติทำกำไรสุงสุดต่อไตรมาสแบบออลไทม์ไฮต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ไตรมาสติดต่อกัน

 

ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ผลจากความสามารถในการสร้างรายได้ทีมีการเติบโตทั้งจำนวนเงินและปริมาณการขนส่ง และกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์จึงทำให้ปริมาณการขนส่งสินค้าทางเรือของบริษัทฯ มีการเติบโตที่ดีท่ามกลางสถานการณ์ในปี 2564 มีการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และผู้ส่งออกไม่สามารถหาพื้นที่บนเรือสำหรับการส่งออกสินค้า ทำให้อัตราค่าระวางที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และมีปริมาณตู้สินค้าที่ให้บริการขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

นายเกตติวิทย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่10 พฤษภาคม 2565 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 ทั้งนี้ บริษัทฯจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วหุ้นละ 0.07 บาท รวมทั้งปีเท่ากับ 0.25 บาท/หุ้น สำหรับผลการดำเนินงานปี 2564

 

สำหรับภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในปี 2565 นายเกตติวิทย์ กล่าวว่า บริษัทฯได้ตั้งเป้าการเติบโตโดยจะมาจากธุรกิจเดิม 20-25% ถ้ารวมธุรกิจใหม่จะเติบโตประมาณ 30-35% โดยบริษัทฯ ยังเสริมความแข็งแกร่งในส่วนของการให้บริการอย่างครบวงจร ด้วยการเปิดให้บริการ LEO Self-Storage#2 และบริการลานรับฝากเก็บตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่สอง ในส่วนของ LEO Self-Storage China Town สาขาที่ 2 ตั้งอยู่ ณ ตลาดน้อย ถนนเจริญกรุง ใกล้เคียงกับย่านเยาวราช มีพื้นที่เพิ่มอีก 2,000 ตารางเมตร และสามารถให้บริการได้ทั้งห้องปรับอากาศและห้องธรรมดา มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันและปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ในส่วนของบริการลานรับฝากเก็บตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่สองของ YJCD นั้น จะตั้งอยู่ถนนบางนา กม. 21 โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนปรับปรุงพื้นที่ และจะพร้อมให้บริการในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2565

 

รวมทั้งยังมีโครงการขนส่งสินค้าทางรางด้วยรถไฟความเร็วสูงจากจีนมายังประเทศลาว ที่ China Post บริษัทรัฐวิสาหกิจของประเทศจีน ได้เป็น 1 ใน 5 ตัวแทนขนส่งสินค้าผ่านรถไฟความเร็วสูงลาว จีน ยุโรป ซึ่งส่งผลดีต่อเนื่องมาให้กับบริษัทฯ เพราะบริษัทฯ เป็น Exclusive Partner รายเดียวของ China Post ในประเทศไทย ซึ่งการจับมือกับ China Post ให้บริการขนส่งทางรางด้วยรถไฟความเร็วสูง ลาว-จีน นี้ LEO ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการจัดหาสินค้าจากประเทศไทยส่งไปยังประเทศจีน ซึ่งในขณะนี้ได้รับความสนใจจากลูกค้าของบริษัทเป็นจำนวนมาก ทางบริษัทฯ คาดว่ารายได้จากโครงการนี้จะเห็นเริ่มทยอยรับรู้เข้ามาในเดือนมีนาคมของปีนี้ และค่อยๆ เติบโตขึ้นภายในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2565

 

นอกจากนี้ในปี 2565 ทาง LEO และ China Post ยังมีแผนที่จะเพิ่ม Capacity ของสายการบิน China Post Airline ที่บินระหว่างกรุงเทพ-คุนหมิงเพิ่มมาก โดยมีแผนเพิ่มเที่ยวบินและนำเครื่องบินขนาดที่ใหญ่ขึ้นเข้ามาบินเสริมในช่วงเดือนเมษายน-กันยายนนี้ เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่ต้องการผลักดันและส่งเสริมการเพิ่มยอดการส่งออกผลไม้ เช่น มะม่วง ทุเรียน มังคุด และมะพร้าวไปยังประเทศจีน และทาง China Post ก็ยังมีแผนที่จะใช้ประเทศไทยเป็น Logistics Hub สำหรับการจัดส่งสินค้า E-commerce ใน ASEAN โดยจะทำคลังสินค้าเพื่อกระจายและจัดส่งสินค้า คาดว่าโครงการนี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตธุรกิจ โลจิสติกส์ของ LEO ให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อีกช่องทางหนึ่ง

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจผ่านแผนการทำข้อตกลงซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) นอกเหนือจากบริษัท เวิร์ลแอร์ โลจิสติกส์ จำกัด โดยมีแผนที่จะมองผู้ประกอบการโลจิสติกส์ในประเทศในภูมิภาคเอเชีย อาทิ เวียดนาม เเละอินโดนีเซีย ซึ่งจะสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีความยั่งยืนให้บริษัทในระยะยาว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง