รีเซต

พบกับ “Chameleon” รถจากเครื่องพิมพ์สามมิติคันแรกในยุโรป

พบกับ “Chameleon” รถจากเครื่องพิมพ์สามมิติคันแรกในยุโรป
TNN ช่อง16
21 พฤศจิกายน 2563 ( 16:59 )
79
พบกับ “Chameleon” รถจากเครื่องพิมพ์สามมิติคันแรกในยุโรป

ทีมวิศวกร "Scaled" จากประเทศอังกฤษประสบความสำเร็จในการสร้างยานพาหนะจากวัสดุรีไซเคิลโดยเครื่องพิมพ์สามมิติ ซึ่งตัวยานพาหนะทรงคล้ายกับรถ Mario Kart นี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 73 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


รถคันนี้มีชื่อว่า “Chameleon” ที่มาของชื่อมาจากตัวรถที่สามารถนำไปดัดแปลง ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ ได้ ตัวรถหนัก 150 กิโลกรัมและใช้พลังงานไฟฟ้าจึงไม่ปล่อยควันเสียออกมา ขนาดก็เล็กกะทัดรัดอยู่ที่ประมาณหนึ่งในสามของขนาดรถทั่วไป และสามารถนั่งได้แค่คนเดียวเท่านั้น โดยทีมวิศวกรผู้สร้างใช้เวลาเพียง 3 เดือนในช่วงกักกันการเฝ้าระบาดโควิดสร้างรถยนต์คันนี้ขึ้นโดยใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ และใช้เงินทุนไปทั้งสิ้น 10,000 ปอนด์ หรือประมาณ 403,000 บาทเท่านั้น 


ตัวดีไซน์ของรถนี้ออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปพัฒนาและปรับเปลี่ยนได้อีกตามความต้องการ ซึ่งวัสดุที่ใช้พิมพ์นั้นมาจากวัสดุรีไซเคิลจากเครื่องพิมพ์สามมิติที่มีความแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก ซึ่งนำมาใช้พิมพ์ตัวโครงรถหลักและตัวพลาสติกรอบรถ
 

ทีมสร้างยังกล่าวอีกว่ารถแต่ละคันใช้เวลาสร้างเพียงสองวันเท่านั้น แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดราคาและการผลิตที่ชัดเจนเนื่องจากยังอยู่ในช่วงพัฒนาและการทดสอบอย่างเข้มงวด ซึ่งจากการทดลองขับพบว่ามันสามารถเดินทางได้นาน 30 นาทีก่อนที่จะต้องชาร์จพลังงานอีกครั้ง ซึ่งตัวชาร์จของ Chameleon ก็เป็นแบบถอดชาร์จและใส่กลับได้ ไม่จำเป็นต้องเสียบชาร์จตามจุดเหมือนรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ 


ในขณะนี้ทีมวิศวกรผู้สร้างยังต้องการเงินทุนเพื่อใช้ในการพัฒนารถรุ่นนี้ต่อไป โดยเป้าหมายหลักในตอนนี้คือการสร้างรถที่ใช้เดินทางระยะใกล้ เช่น ใช้เดินทางจากสถานีรถไฟไปยังจุดต่าง ๆ หรือการเดินทางไปทำงานในระยะทางสั้น ๆ นอกจากนั้นยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางคนเดียว เพื่อให้ปลอดภัยและมั่นใจในการเดินทางที่ไม่ต้องเสี่ยงกับการระบาดของโรค COVID-19 อีกด้วย 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline

ข่าวที่เกี่ยวข้อง