รฟม.เดินหน้าออกแบบฐานรากตอม่อสายสีน้ำตาล พร้อมลุยเปิดประมูลปี 66
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมารฟม.ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) โดยพัฒนาส่วนของรถไฟฟ้าร่วมกับโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือทดแทน N1 และ N2 ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เนื่องจากทั้ง 2 โครงการอยู่ในแนวเส้นทางเดียวกัน ล่าสุดคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มีมติเห็นชอบให้รฟม.ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาออกแบบฐานรากตอม่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลแล้ว
นายภคพงศ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ รฟม.อยู่ระหว่างการออกแบบฐานรากตอม่อเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลบริเวณตอน N2 (ช่วงแยกเกษตร-นวมินทร์ ) ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร (กม.) ช่วงที่มีการทับซ้อนทางด่วนขั้นที่ 3 โดยกทพ.จะใช้งบประมาณจาก กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ หลังจากนั้นจะดำเนินการส่งรายละเอียดการออกแบบฐานรากตอม่อให้กทพ.ดำเนินการต่อไป
นายภคพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการศึกษาทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เบื้องต้นได้รับทราบจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) แล้ว ขณะนี้ สนข.อยู่ระหว่างดำเนินการเสนอรายงานการวิเคราะห์อีไอเอ ต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
“รฟม.ยืนยันว่าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ ที่ผ่านมารฟม.ได้มีการประชุมร่วมกับอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกระทรวงคมนาคมแล้ว ซึ่งไม่ได้มีการคัดค้านในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล เพราะมหาวิทยาลัยเกษตรฯ เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและนักศึกษาในการเดินทาง แต่ติดปัญหาในการก่อสร้างทางด่วนที่ 3 มากกว่า ทางรฟม.เชื่อว่าสามารถดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลได้ตามปกติ ถึงแม้ว่าจะติดปัญหาการเจรจาด้านการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 ก็ตาม” นายภคพงศ์ กล่าว
นายภคพงศ์ กล่าวต่อว่า ด้านการเวนคืนที่ดินในโครงการฯ เบื้องต้นได้มีการสำรวจพื้นที่การเวนคืนที่ดินแล้ว โดยส่วนใหญ่แนวเส้นทางเวนคืนที่ดินบริเวณบริเวณทางขึ้น-ลง ของตำแหน่งแต่ละสถานี รวมทั้งบริเวณแยกเข้าถนนสุขาภิบาล1 ถนนนวมินทร์มุ่งตรงแยกลำสาลี ซึ่งเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าและอาคารจอดแล้วจร จะมีการเวนคืนที่ดินราว 10 ไร่ คาดว่าจะเปิดประมูลภายในปี 2566 หลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2567