ศัลยแพทย์สหรัฐฯ ปลูกถ่าย "หัวใจหมู" ในร่างกายมนุษย์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก !!
การปลูกถ่ายอวัยวะหนึ่งในหนทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังและมีภาวะอวัยวะล้มเหลว อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มาบริจาคอวัยวะมีจำนวนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ป่วยที่เฝ้ารอการเปลี่ยนอวัยวะ ดังนั้น แพทย์จึงต้องค้นหาวิธีที่จะช่วยผู้ป่วยเหล่านี้โดยใช้ "อวัยวะทดแทน"
คุณอาจจะเคยได้เห็นข่าวการปลูกถ่ายไตหมูเข้าไปในมนุษย์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก (อ่านข่าวย้อนหลังได้ ที่นี่) และล่าสุดศัลยแพทย์จากศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา ทำการปลูกถ่าย "หัวใจหมู" สู่ร่างกายมนุษย์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก และร่างกายของผู้ป่วยยังเข้ากันได้ดีกับหัวใจหมูอีกด้วย
กระบวนการปลูกถ่ายอวัยวะโดยใช้อวัยวะจากสิ่งมีชีวิตคนละสายพันธุ์ เรียกว่า Xenotransplantation ในอดีตเคยมีความพยายามที่จะปลูกถ่ายอวัยวะสัตว์เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์มาหลายครั้ง หากแต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร อันเนื่องมาจากร่างกายมนุษย์ไม่สามารถเข้ากันได้กับอวัยวะของสัตว์
ที่มาของภาพ University of Maryland
แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีด้านพันธุวิศวกรรมพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะกระบวนการตัดแต่งยีนที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถปรับโครงสร้างโมเลกุลของเซลล์ได้ตามต้องการ ซึ่งในกรณีของการปลูกถ่ายหัวใจหมูในครั้งนี้ บริษัท Revivicor ทำการปรับแต่งยีนจำนวน 10 ตำแหน่งในเซลล์หัวใจหมู เพื่อกำจัดส่วนที่อาจกระตุ้นภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ดังนั้น เมื่อนำมาปลูกถ่ายก็จะลดโอกาสการทำลายอวัยวะปลูกถ่ายโดยภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย (Graft rejection) ได้
(หัวใจและไตหมูมีโครงสร้างทางกายวิภาคคล้ายกับของมนุษย์ จะเห็นได้จากที่ในชั้นเรียนวิทยาศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษา มักจะใช้อวัยวะหมูเหล่านี้ในการเรียนการสอน และด้วยโครงสร้างที่คล้ายคลึงกันศัลยแพทย์จึงเล็งเห็นว่าสามารถนำมาใช้ในการทดลองครั้งนี้ได้)
เดวิด เบนเน็ตต์ (David Bennett) ป่วยเป็นโรคหัวใจล้มเหลวระยะสุดท้าย เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เขามีทางเลือกเพียงแค่ 2 ทางคือเข้ารับการปลูกถ่ายอวัยวะในครั้งนี้หรือไม่ก็ต้องจากโลกนี้ไป สุดท้ายเขาจึงเข้าร่วมงานวิจัยในครั้งนี้เพื่อปลูกถ่ายหัวใจหมูครั้งแรกของโลก
หลังการปลูกถ่ายเรียบร้อยยังไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ เกิดขึ้น และยังไม่มีข้อบ่งชี้การเกิดภาวะ Graft rejection ด้วย ซึ่งขณะนี้เบนเน็ตต์ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด หวังว่าการวิจัยนี้จะผ่านพ้นไปด้วยดีและจะช่วยให้เบนเน็ตต์กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขได้อีกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก New Atlas