ANANซุ่มดีลธุรกิจSCBX ต่อยอดสินทรัพย์ดิจิทัล
ทันหุ้น – จับตาอสังหาริมทรัพย์ร่วมทำธุรกิจกับ SCBX ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต ANAN เผยมีการเจรจาร่วมทำธุรกิจแต่เปิดเผยไม่ได้ ด้านนักวิเคราะห์เปิดโผหุ้นได้ประโยชน์การปรับโครงสร้างองค์กรของ SCB ชู JMART, SABUY, XPG IIG, AS, KCE,DELTA, SECURE, SIS,ITEL, ALT, INET
จากกรณีที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ได้ปรับโครงสร้างองค์กร โดยจะให้บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX ที่เป็นบริษัทโฮลดิ้ง คอมปานี เป็นแกนในการดำเนินธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเป็นผู้นำในธุรกิจ Digital Asset และมีเป้าหมายเปลี่ยนตัวเองเป็นบริษัท Fin Tech ที่ไม่ใช่บริษัทที่ทำธุรกิจธนาคารอีกต่อไปนั้น
ขณะเดียวกันประเมินว่าแนวโน้มในอนาคต SCBX มีแนวโน้มที่จะร่วมทำธุรกิจกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทยได้ โดยเฉพาะในธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากขณะนี้ก็มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์บางแห่งก็มีการซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียม ผ่านเหรียญดิจิทัล เช่นบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN และบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ที่ประกาศรับ 3 เหรียญดิจิทัล บิทคอยน์-อีเธอเรียม-เทเทอร์ สามารถซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ได้
*ANAN เจรจาธุรกิจกับ SCB
นายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการเจรจาทำธุรกิจกับธนาคารไทยพาณิชย์ในหลายเรื่อง แต่ยังไม่สามารถระบุรายละเอียดได้ คาดว่าจะมีความร่วมมือจะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนกรณีที่ SCB มีการปรับโครงสร้างองค์กรนั้นมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะทำให้มีความคล่องตัวในการบริหารงานได้มากขึ้น เนื่องจากเป็นโฮลดิ้ง คอมปานี
*เปิดโผหุ้นได้ประโยชน์
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างของ SCB สู่การเป็น SCBX เพื่อมุ่งสู่การเป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยี และดิจิทัลแพลตฟอร์มนั้น มองว่าธุรกิจที่จะได้ประโยชน์ที่ชัดเจนคือผู้ประกอบการด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ที่ได้รับผลดีโดยตรง ต่อมาก็เป็นธุรกิจด้านค้าปลีก เพื่อรองรับอีคอมเมิร์ซ โดยมองว่าการชำระเงินในการซื้อของก็สามารถชำระผ่านดิจิทัลมันนี่ได้ ซึ่งในส่วนนี้อาจจะทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิต อย่างบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC หรือบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ AEONST ที่เป็นตัวกลางได้รับผลกระทบได้
นอกจากนี้ก็มีธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะได้รับผลดี ซึ่งจะเป็นอุตสาหกรรมเด่นในปีหน้า มี 5 ส่วนประกอบด้วย บล็อกเชน, E-Payment และ Token ซึ่งธุรกิจนี้จะเกี่ยวข้องกับหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ JMART,SABUY, XPG ธุรกิจที่ 2 ได้แก่ธุรกิจซอฟต์แวร์ ที่จะเกี่ยวข้องกับหุ้น IIG, AS เป็นต้น ธุรกิจผลิตฮาร์ดแวร์ ที่เกี่ยวกับ รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหุ้นที่เกี่ยวข้อง เช่นหุ้น KCE, DELTA ธุรกิจไซเบอร์เทคโนโลยี หุ้นที่เกี่ยวข้องเช่น SECURE, SIS และ ไอซีที อินฟราสตรัคเจอร์ โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องเช่น ITEL,ALT, INET
*มีโอกาสจับมือพันธมิตรตปท.
นายธนภัทร ฉัตรเสถียร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด มองว่าในอนาคต SCBX อาจจะขยายธุรกิจไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนในลักษณะจัดตั้งกองทุน Venture Capital หรือการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) ก็ได้ เพื่อเป็นการขยายธุรกิจให้เพิ่มมากขึ้น ส่วนธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุนมองว่าขึ้นอยู่มุมมองของ SCBX ว่าธุรกิจใดที่จะสามารถเกื้อหนุนธุรกิจร่วมกันได้ ซึ่งมองว่าหากจะร่วมกับพันธมิตรรายใหม่ น่าจะเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ เหมือนกับที่ได้ประกาศร่วมกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟเซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือ ADVANC หรือร่วมจัดตั้งกองทุนกับกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์
ส่วนการร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศ คาดว่าในระยะสั้นคงจะยังไม่เกิดขึ้น เพราะ SCB เพิ่งจะประกาศความร่วมมือไปหลายดีลในช่วงเวลาที่เดียวกัน ทั้งการร่วมกับ ADVANC ตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท เอไอเอสซีบี จำกัด เพื่อทำธุรกิจให้สินเชื่อผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ต่อมาก็มีดีลตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเซีย) จำกัด หรือ MGC Group เพื่อทำธุรกิจเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และให้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ Big Bilke และดีลจัดตั้งกองทุนกับกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีบล็อกเชน Decentralized Finance