รีเซต

"STEC" ประเด็นสำคัญจาก TISCO Exclusive Talk

"STEC" ประเด็นสำคัญจาก TISCO Exclusive Talk
ทันหุ้น
26 มีนาคม 2567 ( 15:18 )
12
"STEC" ประเด็นสำคัญจาก TISCO Exclusive Talk

#ทันหุ้น - บล.ทิสโก้ ระบุข้อมูลจาก TISCO Exclusive Talk กับ STEC สอดคล้องกับข้อมูลการประชุมนักวิเคราะห์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฝ่ายวิจัยเห็น upside ของประมาณการกำไรจากการได้รับเงินชดเชยค่าประกันโครงการหนองบอน  คาดว่าจะเห็นการประมูลโครงการสาธารณะใหม่ใน Q2/67 และ 2H67 ดังนั้น คงคำแนะนำ “ถือ” สำหรับ STEC มูลค่าเหมาะสมที่ 9.00 บาท

 

 

Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 9.57 หมื่นล้านบาท รวมถึงโครงการสนามบินอู่ตะเภาที่จะลงนามมูลค่า 2.7 หมื่นล้านบาท โครงการล่าสุดของบริษัท ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 5 แห่ง มูลค่ารวม 5.2 พันล้านบาท ซึ่งจะต้องแล้วเสร็จในปีนี้ สิ่งนี้น่าจะช่วยหนุนได้อัตรากำไรขั้นต้นของ STEC ในปีนี้เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้ามักให้อัตรากำไรขั้นต้นที่สูง

 

ตั้งเป้าชนะโครงการใหม่มูลค่า 4-5 หมื่นล้านบาทในปีนี้ โครงการภาครัฐและเอกชนใหม่มูลค่า 3.68 แสนล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลในปีนี้ ขึ้นประมูลทางด่วนจตุโชติ-ลำลูกกา 1.94 หมื่นล้านบาท และทางคู่ 2.94 หมื่นล้านบาท (ขอนแก่น-หนองคาย) ในขณะเดียวกัน การก่อสร้างโครงการศูนย์ข้อมูลของบริษัทมูลค่า 7.2 พันล้านบาท น่าจะเริ่มได้ใน 2H67

 

Upside สู่เป้าหมายรายได้ 3-3.1 หมื่นล้านบาท และเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 5% หากโครงการอู่ตะเภาสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปีนี้ รายได้จากการก่อสร้างน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.2-3.3 หมื่นล้านบาท ฝ่ายวิจัยยังได้รับแรงหนุนจากข้อเท็จจริงที่ว่ารายได้หลักในปีนี้จะมาจากโครงการที่มีอัตรากำไรที่แข็งแกร่ง เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 5 แห่ง และโครงการ Thai Oil Clean Fuel ที่กล่าวว่าจะมีค่าใช้จ่ายซ่อมแซมประมาณ 200-300 ล้านบาท ที่เกี่ยวข้องกับโครงการอุโมงค์หนองบอนที่ต้องบันทึกในปีนี้ (ใกล้เคียงกับปี 2566) แม้ว่าบริษัทประกันภัยได้อนุมัติค่าชดเชยเกือบ 100 ล้านบาทแล้วก็ตาม เนื่องจากฝ่ายวิจัยยังไม่ได้รวมสิ่งนี้ไว้ในประมาณการ

 

ดังนั้น จึงมีส่วนต่างจากการคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นของฝ่ายวิจัยที่ 5.1% แนวโน้มการวิเคราะห์ความอ่อนไหว (sensitivity analysis) ของฝ่ายวิจัยคาดว่าการเปลี่ยนแปลงอัตรากำไรขั้นต้นทุกๆ 0.1% จะส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรปี 2567F ของเราที่ 4.6% หากฝ่ายวิจัยคาดว่าบริษัทได้รับค่าชดเชยประกันภัย 100 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นปี 2567 จะเพิ่มขึ้นจาก 5.1% เป็น 5.4% และประมาณการกำไรของฝ่ายวิจัยจะเพิ่มขึ้น 15% จาก 549 ล้านบาท เป็น 630 ล้านบาท

 

ส่วนแบ่งขาดทุนจากสายสีเหลืองและสีชมพูอาจขัดขวางการปรับปรุงรายได้ แม้ว่าเราคาดว่ารายได้จากการก่อสร้างจะดีขึ้นในปีนี้ แต่ส่วนแบ่งขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ทั้งปี) และสายสีชมพู (COD เมื่อวันที่ 7 ม.ค.) ซึ่งประเมินไว้ที่ 299 ล้านบาท จะทำให้กำไรชะลอตัวลง

 

คงคำแนะนำ “ถือ” สำหรับ STEC โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 9.00 บาท ฝ่ายวิจัยยืนหยัดตามประมาณการและมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 9.00 บาท ซึ่งอิงจาก PER ปี 2567F ที่ 25 เท่า (ค่าเฉลี่ย 4 ปีในอดีต) โดยความเสี่ยงหลักคือ การไม่มีโครงการใหม่ ต้นทุนเกินงบประมาณ ต้นทุนวัสดุและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ส่วนปัจจัยด้าน upside ได้แก่ ค่าชดเชยการซ่อมแซมโครงการอุโมงค์หนองบอนจากบริษัทประกันภัย

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง