วิจัยชี้มะม่วงช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดดี ในผู้ใหญ่ที่มีภาวะก่อนเบาหวาน

มะม่วงแม้จะมีปริมาณน้ำตาลสูง แต่งานวิจัยชิ้นล่าสุดชี้ว่า สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดไขมันในร่างกายได้ โดยเฉพาะในผู้ใหญ่ที่มีภาวะก่อนเบาหวาน โดยกุญแจสำคัญอยู่ที่เส้นใยอาหารตามธรรมชาติ
ภาวะก่อนเบาหวานคืออะไร?
ภาวะก่อนเบาหวาน (Prediabetes) คือ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลสูงขึ้นกว่าปกติ แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ที่มีภาวะนี้จำนวนไม่น้อยจะพัฒนาไปเป็นเบาหวานหรือโรคหัวใจในระยะต่อมา
งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Foods ได้ศึกษาผลของการรับประทานมะม่วงสดทุกวันต่อระดับน้ำตาลและสุขภาพของผู้ที่มีภาวะก่อนเบาหวาน
ทำไมมะม่วงถึงน่าสนใจ
จากรายงาน พบว่า มีผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ กว่า 98 ล้านคนที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และคาดว่าอาจมีคนอเมริกันมากถึง 40% เสี่ยงภาวะก่อนเบาหวาน ภายในอีก 10 ปี ซึ่งทำให้การปรับพฤติกรรมการกินมีความสำคัญมาก เพื่อป้องกันการลุกลามไปสู่เบาหวานชนิดที่ 2
อย่างที่รู้กันดีว่า อาหารที่ช่วยควบคุมน้ำตาลได้ดีคือผัก ผลไม้ และอาหารที่อุดมด้วยสารพฤกษเคมี ซึ่งช่วยปรับสมดุลการเผาผลาญของร่างกาย และมะม่วง เป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีทั้ง ไฟเบอร์ วิตามินซี แคโรทีนอยด์ เควอซิทิน และโพลีฟีนอลจากพืช ซึ่งล้วนมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดการอักเสบ ก่อนหน้านี้ มีข้อกังวลว่า มะเม่วงมีน้ำตาลสูง อาจไม่ดีต่อคนที่ต้องควบคุมน้ำตาลในเลือด แต่งานวิจัยชิ้นล่าสุด พบประโยชน์ของมะม่วงต่อการรักษาระดับน้ำตาลที่คาดไม่ถึง
งานวิจัยค้นพบอะไร
งานวิจัยก่อนหน้านี้ในหนูทดลองพบว่า ผงมะม่วงแช่แข็งแบบฟรีซดราย สามารถลดไขมันในร่างกายและลดระดับน้ำตาลได้ดี งานวิจัยใหม่นี้ ออกแบบการทดลองแบบสุ่มควบคุมระยะยาว เพื่อเปรียบเทียบผลของการกินมะม่วงสดกับของว่างแปรรูปที่ให้พลังงานเท่ากัน
การศึกษาในคน มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 23 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทดลอง 11 คน รับประทานมะม่วงสดวันละประมาณ 300 กรัม ต่อเนื่อง 24 สัปดาห์ และกลุ่มควบคุม 12 คน รับประทาน กราโนลาบาร์ วันละ 1 ชิ้นในช่วงเวลาเดียวกัน
เริ่มแรกของการทดลอง ระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารของกลุ่มมะม่วงอยู่ที่ 113 มก./ดล. และของกลุ่มควบคุมอยู่ที่ 116.5 มก./ดล. หลังครบ 24 สัปดาห์ ระดับน้ำตาลของกลุ่มที่กินมะม่วง ลดลงเล็กน้อย ขณะที่กลุ่มควบคุม กลับเพิ่มขึ้น
น่าสนใจว่า เมื่อเทียบกัน กลุ่มมะม่วงมีระดับน้ำตาลต่ำกว่ากลุ่มควบคุมถึง 18 มก./ดล.
นอกจากนี้ กลุ่มที่กินมะม่วงยัง มีความไวต่ออินซูลินดีขึ้น ไขมันในร่างกายลดลงเล็กน้อย อัตราส่วนรอบเอวต่อรอบสะโพกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่กลุ่มควบคุมมีค่า BMI เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และรอบเอวต่อสะโพกเพิ่มขึ้น
ผลลัพธ์เหล่านี้สอดคล้องกับการทดลองก่อนหน้า และชี้ว่าการบริโภคมะม่วงอย่างต่อเนื่องอาจให้ผลดีทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อการควบคุมระดับน้ำตาล
ประโยชน์ของมะม่วง
มะม่วงมีฤทธิ์ช่วยลดไขมันในร่างกายได้ใกล้เคียงกับยาลดไขมันอย่าง เฟโนไฟเบรต ซึ่งช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด และ โรซิกลิทาโซน ซึ่งเป็นยาที่ช่วยเพิ่มความไวของอินซูลิน
การรับประทานผลไม้ทั้งผลให้ใยอาหารในรูปแบบธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากปริมาณน้ำตาลในผลไม้ได้มากกว่า จึงแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการเลือกกินผลไม้สดแทนอาหารแปรรูปต่อสุขภาพระบบเผาผลาญ
นักวิจัยสรุปว่า ผลที่ได้จากการศึกษานี้อาจใช้ได้กับผลไม้และพืชชนิดอื่นเช่นกัน โดยเน้นให้เห็นว่าโครงสร้างทางกายภาพและเคมีของอาหารมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าปริมาณน้ำตาล ในกรณีนี้ เนื้อผลไม้ที่มีใยอาหารทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดคุณค่าทางสุขภาพของอาหาร มากกว่าความหวานของมันเอง อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่ควรบริโภค ก็ยังไม่ควรมากกว่า 1 หน่วยต่อวัน และยังแนะนำให้รับประทานอาหารให้หลากหลาย โดยเฉพาะอาหารที่มีเส้นใยไฟเบอร์จากธรรมชาติ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
