กรมควบคุมโรค ยืนยันมีผู้ต้องขังติดโควิด-19 จริง
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแถลงข่าวความคืบหน้ากรณีมีผู้ต้องหารายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในทัณฑสถานบําบัดพิเศษกลาง ถูกส่งเข้ามาในเรือนจำ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม โดยไม่มีอาการแสดงใดๆ แต่เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ผลตรวจพบว่าติดโควิด-19 โดยในห้องมีผู้ต้องขังอื่นร่วมอยู่ด้วย 30 คน
อ่าน ราชทัณฑ์ พบผู้ต้องขังเข้าใหม่ ติดเชื้อ โควิด-19
วันนี้ (3 กันยายน 2563) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แพทย์หญิงวลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และนายแพทย์เมธิพจน์ ชาตะเมธีกุล ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อ สำนักอนามัย กทม. แถลงข่าวกรณีที่มีรายงานข่าวพบผู้ต้องขังชายไทยที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าเรือนจำ ตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 ว่า
กรมควบคุมโรคได้รับแจ้งจากกรมราชทัณฑ์ว่ามีผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 1 ราย เป็นผู้ต้องขังชายไทยอายุ 37 ปี
เข้าเรือนจำทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง โทษระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม 2563 และได้รับการกักกันตัวในห้องแยกก่อนเข้าเรือนจำตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ โดยกักรวมกับผู้ต้องขังรายอื่นอีก 34 ราย ที่แยกกักในห้องขังเดียวกัน แต่พบว่าผู้ป่วยมีอาการไข้ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม ผลตรวจคัดกรองโควิด 19 เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 โดยคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นบวก และผลตรวจซ้ำที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลพบสารพันธุกรรมโควิด 19 ส่วนอีก 34 รายที่แยกกักในห้องขังเดียวกันทั้งหมดผลตรวจไม่พบเชื้อ ก่อนหน้าที่จะถูกคุมขังผู้ป่วยเคยทำงานเป็นดีเจในร้านอาหารย่าน พระราม5,พระราม3 และตรอกข้าวสาร และมีผู้เสี่ยงสูงสัมผัสใกล้ชิดในครอบครัว 7 ราย กรมควบคุมโรคติดต่อสั่งปิดร้านที่ผู้ต้องขังเคยทำงานเพื่อทำความสะอาด 3 วัน และสอบสวนผู้ใกล้ชิดที่ทำงานต่อ
กรมควบคุมโรค ยืนยันว่าการพบผู้ติดเชื้อครั้งนี้ไม่ได้กระทบไปถึงผู้ต้องขังรายอื่นอีก 8,000 กว่าคนในเรือนจำ ซึ่งเป็นมาตรการที่ดำเนินการในเรือนจำทั่วประเทศ ขอให้ญาติผู้ต้องขัง ผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่ในเรือนจำได้มั่นใจ ขณะนี้ผู้ติดเชื้อได้ย้ายกักกันในห้องเดี่ยว ที่ตึกแยกเฉพาะไม่ปะปนกับผู้ป่วยอื่น ส่วนอีก 34 ราย ได้แยกไปเฝ้าดูแลเป็นพิเศษจนครบ 14 วัน
นับเป็นผู้ต้องขังรายที่สองที่ติดเชื้อ ต่อจากจ.ราชบุรี เป็นผู้ป่วยที่ไม่เคยไปต่างประเทศ และติดเชื้อรายแรกในรอบ 100 วันของประเทศ
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวในตอนท้ายว่า นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ข่าวสารแก่ประชาชนให้ครบถ้วน ไม่ปกปิด ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด ในช่วงวันหยุดยาวนี้ประชาชนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ แต่ต้องเพิ่มการป้องกันส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ทั้งการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ
เว้นระยะห่าง แยกอาหารรับประทาน แยกของใช้ส่วนตัว และขอให้มั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีระบบเข้มแข็ง หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422